ASTVผู้จัดการออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซน ได้ทำหนังสือถึงผู้นำประเทศมหาอำนาจ 3 ชาติ ที่เคยมีบทบาท และเกี่ยวข้องโดยตรงในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของย่านนี้มาตลอด คือ สหรัฐฯ ฝรั่งเศส และอังกฤษ และอีกฉบับหนึ่งถึงผู้นำสหประชาชาติ ขอยืมแผนที่กัมพูชาในช่วงทศวรรษที่ 1960 พร้อมกับร้องขอผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่จากประเทศเหล่านี้ เพื่อไปช่วยพิสูจน์ยืนยันความถูกต้องเที่ยงตรงของแผนที่ที่ฝ่ายกัมพูชามีอยู่ในขณะนี้
การขอยืมแผนที่จากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องนี้เพื่อนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาชายแดนกับบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเวียดนาม ที่ความขัดแย้งในระดับท้องถิ่นทวีความรุนแรงในช่วงเดือนสองเดือนมานี้
ตามรายงานของสื่อทางการ นรม.กัมพูชา ทำหนังสือถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีฟรองซัว ออลล็องด์ แห่งฝรั่งเศส และนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เพื่อการดังกล่าว โดยยืนยันความตั้งใจแน่แน่วของรัฐบาลที่จะแก้ไขปัญหาพรมแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน “โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวียดนาม”
การร้องขอข้างต้นเป็นความสนใจของกัมพูชากับประชาชนชาวกัมพูชา รวมทั้งความตั้งใจที่จะแสดงออกอย่างชัดเจนซึ่ง “ความซื่อตรงกับความตรงไปตรงมา” ในการกำหนด และปักปันเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ตามรัฐธรรมนูญของประเทศ และเพื่อยุติการปลุกปั่นยุยงโดยกลุ่มคนบางกลุ่มที่ประสงค์ร้ายทำให้เกิดความเข้าใจผิดๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ และอาจจะนำไปสู่ความหายนะต่อกัมพูชาทั้งประเทศได้ สำนักข่าวกัมพูชา ระบุ
“การร้องขอครั้งนี้ด้วยจุดประสงค์ที่จะสร้างชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านให้เป็นชายแดนแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนาอย่างโปร่งใส..” ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญของกัมพูชาได้ระบุเส้นเบตแดนของชาติ โดยยึดถือแผนที่มาตราส่วน 1/100,000 จัดทำระหว่างปี พ.ศ.1933-1953 (2476-2496) กับแผนที่ที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติในช่วงปี 1963-1969 (2504-2512)
นอกจากนั้น วันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ฮุนเซน ยังทำหนังสือฉบับหนึ่งถึง นายบันคีมูน เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ ขอยืมแผนที่ฉบับต่างๆ ที่เก็บไว้โดยองค์การสหประชาชาติ เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ความถูกต้องของแผนที่ที่กัมพูชามีอยู่ในครอบครอง เกี่ยวกับการกำหนดเส้นเขตแดน รวมทั้งเขตน่านน้ำ กับประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย สำนักข่าวซึ่งเป็นของกระทรวงแถลงข่าว ระบุ
ได้เกิดความตึงเครียดรอบใหม่ขึ้นตามแนวชายแดนกัมพูชา-เวียดนาม ในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากสมาชิกรัฐสภาพรรคฝ่ายค้านได้นำประชาชนลงพื้นที่ที่กำลังมีการปักปันเขตแดนระหว่างสองฝ่าย ตั้งแต่ จ.รัตนคีรี ลงไปจนถึง จ.สวายเรียง และนำไปสู่การปะทะกันในหลายจุด กับชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ในท้องถิ่นต่างๆ มีผู้ถูกตำรวจเวียดนามจับไปหลายราย หลังจากพยายามข้ามเขตแดนเข้าไป และบาดเจ็บจากการปะทะอีกหลายคน
กัมพูชา-เวียดนาม ได้จัดประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับชาติขึ้นสัปดาห์ต้นเดือนนี้ ในกรุงพนมเปญ และสองฝ่ายตกลง ยุติการปักปันเขตแดนลงขั่วคราว นอกจากนั้น ในระหว่างการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ระดับล่างลงไป ที่จัดขึ้นในเมืองหลวง ในวันอังคาร 14 ก.ค. นรม.กัมพูชา ได้เรียกร้องให้ฝ่ายต่างๆ ยุติการปลุกปั่นยุยง ทั้งระบุว่า ปัญหาชานยแดนไม่สามารถแก้ได้โดยการขยายความขัดแย้ง
กัมพูชา ยังมีปัญหาชายแดนกับไทยคาราคาซังมาเป็นเวลาหลายปี นับตั้งแต่ศาลระหว่างประเทศในกรุงเฮก ตัดสินให้สองฝ่ายถอนทหารออกจากเขตพิพาทใกล้กับปราสาทพระวิหาร นายฮอร์นัมฮอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา เพิ่งเดินทางเยือนไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่ยังไม่มีการสานต่อเกี่ยวกับเรื่องนี้
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา กอย เกือง แถลงก่อนหน้านั้นว่า กัมพูชายังไม่ลืมคำตัดสินของศาลโลก และจะต้องดำเนินการตามคำสั่งของศาลยุติระหว่างประเทศ แต่ที่ต้องหยุดชะงักลงไปก็เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองของไทยที่ไม่ปกติ
นายเกือง ยังระบุด้วยว่า การที่ศาลโลกสั่งให้ไทยต้องถอนทหารออกจากพื้นที่ที่กลายเป็น “เขตปลอดทหาร” นั้น เป็นการยืนยันให้เห็นว่า พื้นที่รอบๆ ปราสาทพระวิหารทั้งหมดเป็นของกัมพูชา ทั้งนี้ เป็นรายงานของสำนักข่าวทางการ.
.
2
3
4