ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ถึงแม้ว่างานรื่นเริงที่เรียกว่า “บิกินีปาร์ตี้” ของคนหนุ่มคนสาวที่จัดขึ้นในเมืองหลวงจะผ่านไปหลายวันแล้วก็ตาม ก็ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ติดตามมาอย่างต่อเนื่องในสังคมของชาวคอมมิวนิสต์ ที่ค่อนข้างจะอนุรักษ์ และยึดถือวัฒนธรรมดั้งเดิมของชนชาติ สำหรับคนวัยหนึ่ง ปาร์ตี้ที่สวนน้ำโห่เตย (Ho Tay) ในเย็นวันที่ 15 พ.ค. ถือเป็นความรื่นรมย์ คลายร้อน แต่สำหรับผู้สูงอายุรุ่นพ่อรุ่นแม่ ภาพจากงานที่เผยแพร่ผ่านโลกออนไลน์นับเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจเป็นอย่างยิ่ง
“ค่ำคืนแห่งบิกินีปาร์ตี้” คือชื่องานดังกล่าว คนหนุ่มสาวที่ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นหลายร้อยคนไปร่วมเฮฮา ยืนเบียดเสียดแออัดกันอยู่ในสระน้ำขนาดใหญ่ เต้นรำกันแบบสุดเมามัน ท่ามกลางเสียงดนตรีที่แผดลั่น กับเสียงตะโกนของดีเจจากเวทีเล็กๆ บนฝั่ง ส่วนในสระน้ำเบื้องล่าง หลายคนดื่มจนมีอาการมึนเมา รวมทั้งหญิงสาวจำนวนหนึ่ง และผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์บางคนเล่าว่า มีหนุ่มสาวบางคู่ถอดเสื้อผ้าเต้นรำอีกด้วยด้วย
“เป็นที่ชัดเจนว่า ภาพที่ปรากฏออกไปสู่สายตาของมหาชนในสัปดาห์นี้ไม่ได้สะท้อนวัฒนธรรมใดๆ ของชาวเวียดนาม และประเทศเวียดนาม” ผู้ที่้ชื่อว่า Lynn เขียนแสดงความเห็นในเว็บไซต์ข่าวยอดนิยมเวียดนามเอ็กซ์เพรส สะท้อนความเห็นร่วมกันของผู้อ่านอีกเป็นจำนวนมาก
“การจัดงานรื่นเริงในแปลกสถานที่ และจัดในยามค่ำคืนนั้นก็ดูแย่อยู่แล้ว แต่นี่ทุกคนสวมชุดว่ายน้ำอีกต่างหาก ผู้ชายมีเพียงกางเกงตัวจิ๋ว หญิงใส่ทูพีซ ยืน เต้น เคลื่อนไหวไปมาในน้ำ ใครรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างหลังจากนั้น” อีกคนหนึ่งเขียน
แน่นอน ชื่อของงานคือ “บิกินีปาร์ตี้” ไฮไลต์สำคัญก็คือ การเน้นไปที่มีสาวๆ สวยๆ นุ่งบิกินี งานแบบนี้ได้รับความนิยมในโลกตะวันตก เพิ่งจะนำเข้าไปในเวียดนามก็เมื่อไม่กี่ปีมานี้ แต่ก็กำลังแพร่กระจ่ายออกไปอย่างรวดเร็ว จากนครสู่เมือง และในเมืองหลวง
งานชุมนุมแบบนี้ทำให้คนหนุ่มสาวรู้สึกกระชุ่มกระชวย ตื่นเต้น สนุกสนาน ไม่ว่าจะจัดขึ้นที่ใดก็จะมีเยาวชนแห่กันไปร่วมอุ่นหนาฝาคั่ง ทุกคนมีความสุข แต่คนอีกรุ่นหนึ่งที่เคยเข้าร่วมการปฏิวัติ ต่อสู้เพื่อเอกราช และอธิปไตยของชาติมา ต้องรู้สึกขมขื่น และขุ่นเคืองใจ เพราะตระหนักดีว่า สิ่งนี้ไม่เหมาะ และไม่สอดคล้องต่อวัฒนธรรมเวียดนาม
สวนน้ำแห่งเดียวกันนี้ เมื่อเดือนที่แล้วเคยมีเรื่องฉาวโฉ่เมื่อคนหลายหมื่นกรูกันเข้าไปเที่ยวชม และเล่นน้ำในวันที่เปิดให้เข้าฟรี คลิปชิ้นหนึ่งที่แสดงให้เห็นหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งถูกหนุ่มๆ หลายสิบคนรุมทึ้งในสระน้ำจนชุดวันพีซของเธอขาดหลุดลุ่ย แพร่กระจายออกไปทุกทิศ และยังไม่มีข่าวคราวว่า จะมีผู้ใด หน่วยงานใดดำเนินการอะไรต่อสถานที่แห่งนี้ ตลอดจนผู้ที่ก่อเหตุ
ภาพและเรื่องราวเกี่ยวกับบิกินีปาร์ตี้ในที่สวนน้ำเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังคงแพร่กระจายออกไปในวงกว้างไม่แพ้กัน พร้อมกับเกิดการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับความเหมาะไม่เหมาะสำหรับสังคมคอมมิวนิสต์
.
2
2
“มีคนบอกว่าชายหญิงหลายคู่ เต้นไป ถอดเสื้อผ้าไป กอดกันไป ท่ามกลางเสียงดนตรีที่แผดลั่นปานแก้วหูจะแตก ราวกับว่าสังคมนี้ไม่มีกฎหมาย ไม่มีกฎระเบียบ ไม่มีคุณค่าใด ที่จะยึดเหนี่ยวอีกต่อไป” ผู้อ่านอีกคนหนึ่งบอกเล่าเรืองที่ได้ยินมา
ผู้ที่ใช้ชื่อ Lynn คนเดิม กล่าวว่า คนหนุ่มคนสาวสมัยนี้คงจะไม่รับรู้อีกแล้วว่า แต่ละประเทศ แต่ละสังคม มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป และชาวเวียดนามก็มีวัฒนธรรมอันดีของตน โดยเฉพาะที่บรรพบุรุษธำรงรักษาสืบต่อกันมานานนับพันปี
หลายคนมีความเห็นทำนองเดียวกันว่า “การบันเทิง” แบบนี้ ไม่สามารถจะยอมรับได้ในสังคมประเทศนี้ หรือประเทศไหนในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่สมควรที่จะปล่อยให้สิ่งแปลกปลอมที่เหลวแหลก เน่าเหม็นเช่นนี้กลืนกินความสวยงามทางวัฒนธรรมของชนชาติ
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีบางคนยกเป็นประเด็นขึ้นมาถกเถียงว่า แท้จริงปาร์ตี้แบบนี้เป็นงานรื่นเริงที่ให้ความสุข สดชื่น เป็นการพักผ่อนหย่อนใจของคนอีกวัยหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าร้อนที่กรุงฮานอยอากาศร้อนจัด ซึ่งจะไม่มีพิษภัยใดๆ สำหรับเยาวชน ถ้าหากมีการรักษากฎระเบียบและความสงบเรียบร้อย และในทางตรงข้ามผู้ใหญ่ควรจะทำความเข้าใจความต้องการของคนรุ่นเยาว์วัยให้มากกว่านี้
“ถ้าหากเห็นว่างานบิกินีปาร์ตี้แบบนี้ดูหยาบคาย ไม่สอดคล้องต่อวัฒนธรรม คุณจะอธิบายอย่างไร เมื่อไปเดินชายหาด และเห็นหญิงชาวเวียดนามจำนวนมาก และมีทุกเพศทุกวัยสวมบิกินี เดินขวักไขว่กันไปมา ทุกคนต่างก็หนีร้อนเหมือนกัน และไปแสวงหาความตื่นเต้น ความสุขให้แก่ชีวิตของตนเช่นเดียวกัน” ผู้อ่านอีกคนหนึ่งตั้งคำถาม
อย่างไรก็ตาม ผู้อ่านจำนวนมากขอให้มองไปยังคุณค่าทางศีลธรรม และปทัฏฐานทางสังคมที่กำลังเปลี่ยนไป ซึ่งชาวเวียดนามต้องถามตัวเองว่า พอใจต่อวัฒนธรรมแห่งชนชาติหรือไม่ หรือ จะรับเอาของคนอื่นไปใช้ในการดำรงชีวิต ไม่ต้องคำนึงถึงรากเหง้าของตนเองอีกต่อไป และจะทำอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสิ่งที่เยาวชนรุ่นใหม่ กำลังรับเอาไปเป็นแนวทางของตัวเองเช่นที่เห็นอยู่ต่อหน้า
เรื่องนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันต่อไป และยังไม่มีวี่แววว่าจะหาจุดลงเอยอย่างไร.