เตื่อยแจ๋ - การสำรวจที่จัดทำโดยโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ได้รับทุนจากสหภาพยุโรป เผยว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ตอบแบบสำรวจเลือกที่จะเดินทางกลับไปเยือนเวียดนามอีกครั้งแค่ 6% เท่านั้น ด้วยเหตุผลด้านการบริการการท่องเที่ยวยังไม่ดี การเดินทางที่ไม่สะดวกสบาย และการลงทุนที่ยังไม่เพียงพอ
การสำรวจที่ดำเนินการโดยโครงการพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับทุนจากสหภาพยุโรป พบว่า มากกว่า 90% ของชาวต่างชาติที่ตอบแบบสำรวจระบุว่า เพิ่งเคยเยือนเวียดนามเป็นครั้งแรก
การสำรวจจัดทำขึ้นในแหล่งท่องเที่ยวหลัก 5 แห่งของประเทศ คือ เมืองซาปา อ่าวฮาลอง นครเหว นครด่าหนัง และเมืองโฮยอาน และผู้ตอบแบบสำรวจเป็นทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวท้องถิ่น 3,000 คน ที่ท่องเที่ยวอยู่ในจุดที่กล่าวถึงทั้ง 5 แห่ง เมื่อเดือน เม.ย. เดือน ก.ค. และเดือน ส.ค.
ผลสำรวจพบว่า นักท่องเที่ยวใช้เวลาพักอยู่ที่เมืองโฮยอาน และนครด่าหนัง นานกว่าที่เมืองซาปา นครเหว และอ่าวฮาลอง โดยนักท่องเที่ยวพักอยู่ในนครด่าหนัง และเมืองโฮยอาน เฉลี่ย 4.5 คืน ขณะที่ใช้เวลาเพียง 1.5-2.5 คืนในนครเหว เมืองซาปา และอ่าวฮาลอง
ผลสำรวจยังพบว่า กลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจที่เป็นนักท่องเที่ยวท้องถิ่นเป็นผู้เดินทางที่มาเยือนจุดท่องเที่ยวดังกล่าวครั้งแรก 39% กลับมาเยือนเป็นครั้งที่ 2 ที่ 24% และรอบที่ 3 ที่ 13%
ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว และไกด์ทัวร์ ระบุว่า ผลการสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศในปัจจุบันที่แม้จะมีทัศนียภาพอันสวยงาม แต่ยังขาดแคลนการลงทุน บริการด้านการท่องเที่ยว และการเดินทางยากลำบาก
นักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน 2 คน ที่ใช้เวลาเดินทางท่องเที่ยวจากภาคเหนือของประเทศ ไปจนถึงนครโฮจิมินห์ นานเกือบ 30 วัน ระบุว่า เป็นการเยือนเวียดนามครั้งแรก และยิ่งเดินทางลงใต้มากเท่าใด ความเป็นลักษณะเฉพาะของเอเชียตามสถานที่ต่างๆ ยิ่งน้อยลง ยกเว้นเพียงสภาพอากาศร้อนชื้น
“นครโฮจิมินห์นั้นดี และทันสมัย แต่ขาดสถาปัตยกรรมแบบเอเชีย ดูคล้ายกับที่อื่นๆ ในโลก และเราไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนเพื่อดูการแสดงศิลปะดั้งเดิมของเวียดนามในตอนค่ำ” 2 นักท่องเที่ยว กล่าว
นักท่องเที่ยวจากฝรั่งเศส ระบุว่า การซื้อของที่ระลึกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะดั้งเดิมของเวียดนามเป็นความท้าทายอย่างมากในการเยือนครั้งแรกนี้ เพราะของที่ระลึกที่วางขายดูเหมือนกันไปหมดกับที่พบในไทย หรือจีน
ส่วนชาวต่างชาติวัยรุ่น 4 คน ต่างส่ายศีรษะเมื่อถูกถามว่าจะกลับมาเยือนเวียดนามอีกครั้งหรือไม่
กลุ่มคนข้างต้นเหล่านี้เป็นชาวต่างชาติที่ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋เข้าไปสอบถามในนครโฮจิมินห์ และจากการค้นพบของเตื่อยแจ๋ ผู้ถูกสำรวจส่วนใหญ่ตอบว่า จะไม่กลับมาเวียดนามอีกเพราะไม่ค่อยน่าสนใจ
นักท่องเที่ยวชาวอิตาลีที่กำลังจะจบทริปท่องเที่ยวครั้งแรกในเวียดนาม หลังเดินทางเยือนเมืองซาปา ฮานอย ฮาลอง เหว โฮยอาน และนครโฮจิมินห์ นาน 4 สัปดาห์ ระบุว่า ไม่คิดว่าจะกลับมาอีก แม้ทิวทัศน์นั้นจะดีเยี่ยม แต่มลพิษเยอะ ขยะกระจายเกลื่อนทั้งในอ่าวฮาลอง และตามถนนหนทางในกรุงฮานอย พร้อมกับชี้ว่า เวนิส หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของโลก เจ้าหน้าที่ท่องเที่ยวมักพยายามอย่างเต็มที่ให้นักท่องเที่ยวได้รับความพึงพอใจ และจัดหาข้อมูลและบริการอย่างเพียงพอ
ตรงกันข้าม เวียดนามมีจุดท่องเที่ยวมากมาย แต่ไม่สามารถดึงดูดความสนใจได้มากนักเนื่องจากไม่ได้รับการลงทุนที่เหมาะสมเพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้กลับมาเยือนเป็นครั้งที่ 2
“เรามักถูกคนหาบเร่รบกวน พยายามที่จะชวนเราซื้อสินค้า เราและนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่ไม่ต้องการใช้บริการทัวร์พบว่า การเดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งด้วยระบบขนส่งสาธารณะนั้นเป็นเรื่องยากลำบากเพราะขาดข้อมูล” นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ระบุ
“อุตสหากรรมการท่องเที่ยวของเรายังล้าหลังจากประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ไทยเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ทุกปี ส่วนแหล่งท่องเที่ยวของเวียดนาม ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมานานหลายปี” ไกด์ทัวร์ของบริษัทในนครโฮจิมินห์ ระบุ พร้อมเสริมว่า หากคุณภาพยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ค่าธรรมเนียมกลับปรับตัวเพิ่ม เช่น แผนที่จะเพิ่มค่าเข้าชมแหล่งโบราณสถานในเมืองเหว การปรับค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 2 เท่า ที่อ่าวฮาลอง ยิ่งเป็นปัจจัยที่ขัดขวางนักท่องเที่ยวให้เดินทางกลับมาเยือนเวียดนามอีกครั้ง
ผู้จัดการทัวร์ท่องเที่ยวรายหนึ่งระบุว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่มาเวียดนามเพื่อเที่ยวชมวัฒนธรรมพื้นเมืองของประเทศแค่นั้น ในทางตรงกันข้าม ประเทศอื่นๆ ได้ผสมผสานการเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรม กิจกรรมชอปปิ้ง และการพักผ่อนต่างๆ เพื่อเสริมโอกาสให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางกลับมาเยือนอีกครั้ง.