ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ทางการคอมมิวนิสต์ลาว ได้จัดพิมพ์หนังสือพุทธประวัติออกมาเพื่อเผยแพร่ไปทั่วประเทศ นับเป็นพุทธประวัติเล่มแรกที่จัดทำขึ้นมาในระดับพรรค ที่ใช้ทฤษฎีมาร์กซ์-เลนิน และแนวทางสังคมนิยมในการบริหาร และสื่อของทางการกล่าวว่า หนังสือจะเป็น “คลังแห่งปัญญา” สำหรับเยาวชนคนหนุ่มสาว กับประชาชนทั่วไประดับชาวบ้านธรรมดา
ศูนย์กลางพุทธศาสนาสัมพันธ์ลาว ร่วมกับคณะกรรมการโฆษณาอบรมศูนย์กลางพรรค พรรคประชาชนปฏิวัติลาว ได้จัดทำหนังสือ “พุทธประวัติสำหรับหนุ่มสาวและชาวบ้าน” ขึ้นมาเพื่อเป็นคติสอนใจ “ให้คนในสังคมปัจจุบันเข้าใจแก่นแท้ของพุทธศาสนา” โดยค้นคว้าเรียบเรียง และเขียนให้อ่านเข้าใจง่าย เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธองค์ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับชีวิตประจำวัน หนังสือพิมพ์ “ปะเทดลาว” รายงาน
หนังสือเล่มนี้เกิดจากการริเริ่มของคณะกรรมการโฆษณาอบรมศูนย์กลางพรรค ที่ให้ทุนในการจัดพิมพ์ จัดทำ โดยมอบให้ศูนย์กลางพุทธศาสนาสัมพันธ์ อันเป็นศูนย์รวมของสถาบันพุทธศาสนาและพุทธศาสนิกรชาวลาว ค้นคว้าเรียบเรียงขึ้นมา หนังสือพิมพ์ออนไลน์ของกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว รายงานอ้างพระอาจารย์ใหญ่ ดร.มหาผ่อง สะมาเลิก ประธานองค์การดังกล่าว
หนังสือพุทธประวัติในเวอร์ชันของลาว จัดพิมพ์ขึ้นมา จำนวน 20,000 เล่ม และส่งไปยังแขวง (จังหวัด) ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อเผยแพร่ลงสู่รากฐาน และประชาชนคนหนุ่ทมสาวทั่วไป แต่ยังไม่มีการเปิดเผยเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้
พระอาจารย์ใหญ่มหาเหวด มะเสไน รองประธานองค์การฯ กล่าวว่า ได้อ่านหนังสือหลายรอบ และยืนยันได้ว่า “จะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลสำหรับชาวพุทธ เพราะว่าบรรจุไว้ด้วยเนื้อหาที่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นแก่นแท้ของพุทธประวัติ และยังประกอบด้วยหลักธรรมที่สอดแทรกอยู่ในแต่ละบทอีกด้วย วิธีการนำเสนอซึ่งก็คือ การเขียนเหมาะสมกับยุคสมัย ใช้ภาษาแบบธรรมดา แต่เต็มไปด้วยอรรถรส สนุกสนาน ถือว่าเป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่จะกลายเป็นคลังทางปัญญา และเป็นสมบัติภายในครอบครัวชองชาวพุทธเรา..”
องค์การพุทธศาสนาลาว ได้แนะนำให้หน่วยงานในระดับแขวง และเมือง ตลอดจนวัดต่างๆ นำเนื้อหาในหนังสือพทพูธประวัติเล่มนี้เป็นคู่มืออ้างอิงในการอบรมบรรดาพระสงฆ์ สามเณร และชาวพุทธในแต่ละท้องถิ่นอย่างทั่วถึง “ปะเทดลาว” กล่าว
ลาวเป็นคอมมิวนิสต์ที่ให้สิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาแก่ประชาชนอย่างกว้างขวาง และเป็นประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ซึ่งตลอดเวลากว่าเกือบ 40 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงการปกครอง บรรดาผู้นำได้ร่วมกับประชาชนเข้าวัด ฟังพระธรรมเทศนา และทำบุญในเทศกาลต่างๆ เสมอมา.