แคมโบเดียเดลี่ - อุตสาหกรรมการพนันที่ขึ้นอยู่กับชาวต่างชาติของกัมพูชาอาจตกอยู่ในอันตราย หากเวียดนามผ่านกฎหมายที่อนุญาตให้พลเมืองเล่นการพนันในประเทศตัวเองได้ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังกัมพูชา ระบุ
กาสิโนหลายแห่งจากทั้งหมด 57 แห่ง ของกัมพูชา ตั้งอยู่ตามแนวพรมแดนติดกับเวียดนาม ประเทศที่การพนันถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ร่างกฎหมายที่รอลงมติในรัฐสภาเวียดนามเดือน พ.ย. นี้ เสนอที่จะอนุญาตให้ประชาชนของประเทศสามารถเล่นการพนันในฝั่งพรมแดนของตัวเองได้
“กาสิโนกัมพูชาพึ่งพาชาวเวียดนาม และชาวไทยอย่างมาก หากเวียดนามอนุญาตให้ประชาชนของตัวเองเล่นการพนันได้ นั่นจะเป็นภัยต่อผู้ประกอบการชาวกัมพูชา” รอส พิรุม โฆษกกระทรวงการคลังกัมพูชา กล่าว
เจ้าหน้าที่คนเดิมยังระบุว่า อุตสาหกรรมการพนันของกัมพูชาคาดว่าจะทำรายได้ 25 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 22 ล้านดอลลาร์ ในปี 2556 แม้รายได้จะเพิ่มขึ้น แต่ภาคอุตสาหกรรมนี้ยังคงไม่มั่นคง
“หากเปรียบเทียบในแง่ของจำนวน เรามีกาสิโนมากกว่าประเทศอื่นๆ เช่น มาเก๊า แต่ขนาดกาสิโนของเราไม่สามารถนำไปเทียบได้ เพราะของเรามีขนาดเล็กกว่า และดำเนินกิจการไม่แน่นอนซึ่งอาจนำไปสู่การล้มละลาย” รอส พิรุม กล่าว
และจากรายงานอุตสหากรรมกาสิโนของกัมพูชาที่เผยแพร่โดยบริษัทนากาคอร์ป ซึ่งควบคุมดูแลกาสิโนนากาเวิลด์ ในกรุงพนมเปญ ระบุว่า การผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการพนันของเวียดนามจะยิ่งส่งผลให้การแข่งขันในหมู่ประเทศเพื่อนบ้านรุนแรงยิ่งขึ้น
“แข่งขันของกิจการการพนันในระดับภูมิภาคจะเพิ่มสูงขึ้นหากรัฐบาลประเทศต่างๆ เช่น เวียดนามเปิดเสรีกฎหมายของตัวเองในความพยายามที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมการพนันภายในประเทศ” รายงาน ระบุ
ฝ่ายผู้ประกอบการกาสิโนกัมพูชาตามแนวพรมแดน ระบุว่า ร่างกฎหมายของเวียดนามเป็นภัยอย่างยิ่งต่อกิจการของพวกเขา
ผู้จัดการทั่วไปของรีสอร์ต และกาสิโนแห่งหนึ่งใน จ.สวายเรียง ระบุว่า มีลูกค้าเข้าใช้บริการวันละประมาณ 300-400 คน และจำนวนลูกค้าจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงวันหยุดปีใหม่ของชาวจีน และเวียดนาม และหากชาวเวียดนามสามารถเล่นพนันในประเทศตัวเองได้ แน่นอนว่าจะเป็นผลร้ายต่อธุรกิจในฝั่งกัมพูชา.