ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ศาลจังหวัดบ่าเหรียะ-หวุงเต่า (Ba Ria- Vung Tao) ได้มีคำพิพากษาในวันอังคาร 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ให้จำคุกหญิงวัย 36 ปี คนหนึ่ง กับหญิงสาววัย 24 อีกคนหนึ่ง เป็นเวลา 30 เดือน และ 24 เดือน ฐานร่วมกันใช้กำลังบังคับข่มขืนใจ และเจตนาทำร้ายให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ เป็นการสิ้นสุดกรณีอื้อฉาวเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เกี่ยวกับการข่มขู่บังคับสักรูปตะขาบลงบนเต้านม และบนใบหน้าของหญิงสาวอีกคนหนึ่งด้วยความหึงหวง
นางเหวียนถิแอง (Nguyen Thi Anh) วัย 36 ปี ถูกระบุเป็นผู้บงการให้ น.ส.เหวียนถืเฮือง (Nguyen Thi Huong) ลูกจ้างวัย 23 ปี บังคับกระทำการดังกล่าวต่อ น.ส.เหวียนถิซยาง วัย 23 ปีชาว จ.เหงะอาน ซึ่งเป็นลูกจ้างทำงานที่ร้านคาเฟ่คาราโอเกะของนางแอง ในเมืองหวุงเต่า ด้วยความหึงหวง เนื่องจากสงสัยว่า น.ส.ซยาง จะมีสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันายฝ่ามเถฟง (Pham The Phong) สามีหนุ่มวัย 35 ปี ของเธอ
เหตุเกิดเดือน พ.ย.2554 ในเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่มีชื่อเสียงทางทิศตะวันออกของนครโฮจิมินห์ และตกเป็นข่าวกระฉ่อนไปทั่วประเทศ ซึ่งทำให้หลายองค์กรยื่นมือเข้าช่วยเหลือหญิงสาวผู้ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งไปจากครอบครัวยากจนในจังหงัดภาคกลางตอนบนของประเทศ และถึงแม้จะไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับ น.ส.ซยาง มานานแล้ว กรณีนี้ยังอยู่ในความทรงจำของประชาคมออนไลน์เวียดนาม ทำให้คำพิพากษาของศาลกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง
ศาลเมืองหวุงเต่า ระบุด้วยว่า จำเลยทั้ง 2 คนข้างต้น “มีเจตนาทำให้บุคคลอื่นได้รับความเจ็บปวดและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ”
เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2554 นางแอง ได้ทุบตี น.ส.ซยาง กล่าวหาว่ามีสัมพันธ์สวาทกับสามี ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะยืนยันปฏิเสธก็ตาม วันต่อมา นางแอง ยังได้ตบตี น.ส.ซยาง ซ้ำอีก ก่อนจะกล้อนผมของ น.ส.ซยาง ออกจนหมดศีรษะ และขังไว้ในห้อง อีกวันถัดมา นางแอง ได้ให้ น.ส.ซยาง เลือกเอาระหว่าง 1) สักลายตะขาบ และ 2) ถูกสาดน้ำกรดบนใบหน้า ซึ่งทำให้ น.ส.ซยาง ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเลือกข้อแรก
บ่ายวันเดียวกัน “เจ๊ใหญ่” จึงสั่งการให้ น.ส.เฮือง ซึ่งเป็นชาว จ.เหงะอาน เช่นเดียวกันนำ น.ส.ซยาง ไปที่ร้านสักลายแห่งหนึ่งในหวุงเต่า เจ้าของร้านเสนอว่าควรจะสักเป็นรูปตะขาบตัวเล็กๆ ก็พอ แต่ น.ส.เฮือง ยังยืนยัน ให้สักตะขาบตัวโต และเมื่อร้านสักใบหน้ากับเต้านมแล้วเสร็จ น.ส.เฮือง ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปผลงาน เป็นหลักฐานให้นายจ้างได้ดู
.
.
น.ส.ซยาง เดินทางกลับบ้านเกิด จ.เหงะอาน ในวันที่ 28 พ.ย. เล่าเรื่องทั้งหมดให้มารดาฟัง เวลาต่อมา นางเจิ่นถิฮวา (Tran Thi Hua) มารดาได้นำเรื่องนี้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งใน จ.เหงะอาน และบ่าเหรียะ-หวุงเต่า และกลายเป็นคดีฉาวโฉ่
นางแอง กับ น.ส.เฮือง ถูกจับกุมในวันที่ 11 ธ.ค.2554 และก่อนจะถูกนำตัวขึ้นศาลศาลต้นปี 2555 แต่ก่อนหน้านั้น ครอบครัวของนางแอง ได้ชดใช้ค่าเสียหาย และค่าทำขวัญให้ น.ส.ซยาง เป็นเงินประมาณ 18,900 ดอลลาร์ ทำให้ผู้เสียหายยอมถอนแจ้งความมาแล้วครั้งหนึ่ง และขบวนการในชั้นศาลได้หยุดชะงักไปชั่วคราว
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ เวลาต่อมา ศาลจังหวัดหวุงเต่าลงความเห็นว่า คดีนี้ไม่อาจยอมความได้เพราะเป็นการกระทำการอันรุนแรง ขัดต่อกฎหมายอาญาที่มีการกำหนดโทษเอาไว้สูง จึงได้ดำเนินคดีต่อจำเลยทั้ง 2 อีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 12 ส.ค.2556 หรือประมาณ 1 ปีก่อนหน้านี้ นำมาสู่การรวบรวมพยานหลักฐาน และการไต่สวน
อย่างไรก็ดี ฝ่ายผู้เสียหายคือ น.ส.ซยาง ยังคงพยายามยื่นคัดค้านต่อศาล ไม่เอาเรื่องเอาราวต่อจำเลยทั้ง 2 อีก จึงทำให้ศาลมีคำพิพากษาลงโทษ นางแอง กับ น.ส.ฮือง ในสถานที่เบาลงคือ จำคุก 30 กับ 24 เดือน ตามลำดับ ถือเป็นการสิ้นสุดคดีไม่มีการอุทธรณ์อีก เตื่อยแจ๋รายงานในเว็บไซต์ข่าวภาษาเวียดนาม.