ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ทางการนครโฮจิมินห์ ได้สั่งเรือไฮโดรฟอยทุกลำในแม่น้ำไซ่ง่อน หยุดให้บริการผู้โดยสาร และสั่งจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบสวนหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ผู้โดยสาร กับพนักงานบนเรือกว่า 90 ชีวิตต้องกระโดดน้ำหนีจ้าละหวั่น และโชคดีที่เรือกู้ภัยไปยังที่เกิดเหตุทันเวลาสามารถช่วยเหลือทุกคนให้ปลอดภัย
นายเลหว่างกวน (Le Hoang Quan) ประธานคณะกรรมการประชาชนนครใหญ่ที่สุดของเวียดนามได้ออกคำสั่งห้ามเรือทั้งหมดที่มีเกือบ 20 ลำ หยุดแล่นให้บริการ และให้สำนักงานคมนาคมขนส่งของนครจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน รวมทั้งดำเนินการเพื่อจ่ายค่าเสียหายให้แก่ผู้โดยสารทั้งหมด สื่อออนไลน์ภาษาเวียดนามรายงาน
ในบรรดาผู้โดยจำนวน 85 คน มีชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย 37 คน เรือแล่นออกจากท่าจอดในเขตอำเภอที่ 1 มุ่งลงใต้ไปยังเมืองหวุงเต่า เมืองท่องเที่ยวตากอากาศชายทะเลที่มีชื่อเสียงใน จ.บ่าเหรียะ-หวุงเต่า (Ba Ria- Vung Tau) แต่เกิดไฟไหม้ขึ้นมาเมื่อไปถึงบริเวณนคมอุตสาหกรรมเติ่นทวน ในเขตอำเภอที่ 7 ใกล้กับสะพานฝูหมี (Phu My) ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำไซ่ง่อนแห่งแรก
นายเติ๊ตแถ่งก๋าง (Tat Thanh Cang) ผู้อำนวยการสำนักงานคมนาคมขนส่งแห่งนครโฮจิมินห์กล่าวว่า ตนได้เสนอไปยังทางการเป็นเวลานานมาแล้วว่า เรือไฮโดรฟอยที่ให้บริการในขณะนี้ล้วนแต่มีสภาพที่เก่ามาก และสมควรจะยกเลิกการใช้งานได้แล้ว
ไฮโดรฟอย เป็นเรือเร็วโดยสารที่ผลิตในอดีตสหภาพโซเวียต ใช้แล่นรับส่งผู้โดยสารตามแม่น้ำไซ่ง่อนมาตั้งแต่ปลายคริสต์ทศวรรษที่ 1980 ต่อมา ได้ขยายการให้บริการจากนครโฮจิมินห์ ไปยังเมืองหวุงเต่า แทนการนั่งรถโดยสารประจำทางที่ต้องวิ่งอ้อมขึ้นเหนือก่อนจะเบนไปทางทิศตะวันออก ก่อนจะวกลงใต้ตามเส้นทางที่ค่อนข้างทุรกันดาร และยาวไกล
ในช่วงปี พ.ศ.2530 เศษๆ เคยมีบริษัทของคนไทยนำเรือไฮโดรฟอยมาแล่นให้บริการจากท่าเรือโรงแรมแม่น้ำ ไปยังเกาะสมุย แต่ไม่เป็นที่นิยม และเลิกกิจการไปในอีกไม่นานต่อมา
อย่างไรก็ตาม เหตุไฟไหม้เรือไฮโดรฟอยได้ทำให้เกิดวีรบุรุษขึ้นมา เมื่อสามีภรรยาครอบครัวหนึ่งที่ประกอบอาชีพล่องเรือหาปลา และขายอาหารตามลำไม่น้ำ ซึ่งเป็นรายแรกที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุมากที่สุด ทั้ง 2 คนได้รีบนำเรือไปช่วยเหลือผู้โดยสารขึ้นจากน้ำได้เที่ยวแรก จำนวน 15 คน และเมื่อนำขึ้นฝั่งแล้ว ได้กลับไปช่วยจำนวนที่เหลือ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่เรือกู้ภัยลำอื่นๆ ไปถึง
ทางการนครโฮจิมินห์ ได้สั่งให้สำนักงานคมนาคมขนส่งให้รางวัลแก่ 2 สามีภรรยาครอบครัวนี้เป็นเงิน 10 ล้านด่ง หรือประมาณ 500 ดอลลาร์เพื่อเป็นสินน้ำใจ หนังสือพืมพ์เตื่อยแจ๋รายงานในเวบไซต์ข่าวภาษาเวียดนาม.