เอพี - เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงปืนเตือนหลายนัดเพื่อหยุดกลุ่มม็อบชาวพุทธที่เข้าทำลายมัสยิดและพยายามที่จะวางเพลิงร้านค้าของชาวมุสลิมในเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับสองของพม่า เจ้าหน้าที่เผยวันนี้ (2)
ขิ่น หม่อง อู เลขาธิการศูนย์ประชุมเยาวชนมุสลิมประจำเมืองมัณฑะเลย์ ระบุว่า มีประชาชนอย่างน้อย 4 คน ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากหินที่กลุ่มม็อบขว้างปา หรือจากกระสุนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเพื่อยุติเหตุจลาจล เมื่อช่วงเย็นวันอังคาร (1)
พม่าที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ต้องต่อสู้กับความรุนแรงทางศาสนานับตั้งแต่ปี 2555 ที่ทำให้มีประชาชนเสียชีวิต 280 คน และอีกราว 140,000 คน ต้องไร้ที่อยู่อาศัย โดยส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมที่โดนชาวพุทธหัวรุนแรงโจมตี
ขิ่น หม่อง อู ระบุว่า ความรุนแรงครั้งล่าสุดในมัณฑะเลย์ ทางภาคกลางของพม่า เกิดขึ้นหลังมีข่าวลือว่า เจ้าของร้านน้ำชาชาวมุสลิมได้ข่มขืนหญิงชาวพุทธ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการข่มขืนนั้น แต่ระบุว่าได้แจ้งเตือนร้านน้ำชาว่าอาจถูกโจมตี และบอกให้เจ้าของร้านปิดร้านเร็วขึ้น
ทางการได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายร้อยนายมาประจำการหลังฝูงชนชาวพุทธมากกว่า 300 คน เดินขบวนไปยังร้านน้ำชา และร้องเพลงชาติ ตามการระบุของขิ่น หม่อง อู และชาวบ้านอีกหลายคน ที่เห็นเหตุการณ์
เจ้าหน้าที่ได้ยิงกระสุนยางหลายนัดหวังพยายามสลายฝูงชนที่แยกออกเป็นกลุ่มๆ เพื่อหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้ก่อความไม่สงบขว้างปาหินใส่มัสยิด จนเกิดความเสียหายเล็กน้อยที่บริเวณประตูหน้าและส่วนตกแต่งภายนอก คนอื่นๆ ได้เข้าปล้นสะดมร้านค้าของชาวมุสลิม รถยนต์หลายคันได้รับความเสียหายจากการวางเพลิงไม่ก็ขว้างหินเข้าใส่กระจกจนแตก
พม่าเพิ่งหลุดพ้นจากการปกครองของทหารที่ยาวนานเกือบครึ่งศตวรรษ ในปี 2554 แต่การเปลี่ยนไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยของประเทศต้องถูกบดบังด้วยความรุนแรงทางศาสนาที่เกิดขึ้นนี้.