เอเอฟพี - เมื่อเกียบ อายุครบ 16 ปี พี่ชายของเธอให้สัญญาว่าจะพาเธอไปงานปาร์ตี้ในเมืองท่องเที่ยวทางเหนือของเวียดนาม แต่เมื่อถึงเวลากลับกลายเป็นว่าพี่ชายของเธอขายเธอให้แก่ครอบครัวชาวจีนเพื่อเป็นเจ้าสาว
หญิงสาวชาวม้งใช้เวลาเกือบ 1 เดือนในจีน ถึงสามารถหลบหนีจากสามีชาวจีน และขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นเพื่อเดินทางกลับเวียดนาม
“ในสายตาของฉัน พี่ฉันไม่ใช่คนอีกต่อไปแล้ว เขาขายน้องสาวตัวเองให้แก่ชาวจีน” เกียบ (นามสมมติ) กล่าวกับผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวเอเอฟพี ที่ศูนย์พักพิงเหยื่อค้ามนุษย์ในเมืองหล่าวกาย ที่อยู่บริเวณพรมแดนเวียดนาม
หญิงสาวในหลายประเทศที่อยู่ติดกับประเทศจีน ไม่เพียงแค่เวียดนามเท่านั้น ยังรวมถึงเกาหลีเหนือ ลาว กัมพูชา และพม่า ต่างถูกบังคับให้แต่งงานในดินแดนที่ดำเนินนโยบายลูกคนเดียว ผู้เชี่ยวชาญระบุ
จีนประสบปัญหาความไม่สมดุลทางเพศที่เลวร้ายที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เมื่อครอบครัวชาวจีนต่างต้องการบุตรชายมากกว่าบุตรสาว เป็นผลให้ชายชาวจีนหลายล้านคนในเวลานี้ไม่สามารถหาเจ้าสาวชาวจีนได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการค้ามนุษย์ ตามการระบุของกลุ่มสิทธิมนุษยชน
ศูนย์พักพิงในเมืองหล่าวกายเวลานี้มีเด็กหญิงหลายสิบคนจากหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่ ทั้งหมดระบุว่า ถูกหลอกโดยญาติ เพื่อน หรือแฟน และถูกขายเป็นเจ้าสาวให้แก่ชายชาวจีน
“ฉันเคยได้ยินเรื่องค้ามนุษย์มามาก แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง” เกียบ กล่าว
การค้ามนุษย์ที่ดำเนินการโดยกลุ่มผิดกฎหมาย และชุมชนที่เกี่ยวข้องมักเป็นชุมชนยากจน และอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ข้อมูลของทางการมีแนวโน้มที่จะประเมินขนาดของปัญหาต่ำเกินไป
แต่เจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยืนยันว่า ยังมีระบบการค้ามนุษย์ พาผู้หญิงไปยังประเทศจีนเพื่อบังคับให้แต่งงาน
“ปัญหานี้ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่จีนมักซุกไว้ใต้พรม” ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอช ภูมิภาคเอเชีย กล่าว
ไมเคิล โบรโซสกี้ ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอมูลนิธิบลูดราก้อนชิลเดร้น ระบุว่า หญิงสาวชาวเวียดนามถูกขายในราคา 5,000 ดอลลาร์ เพื่อเป็นเจ้าสาว หรือไปทำงานในแหล่งขายบริการ ซึ่งมูลนิธิได้ช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกค้ามนุษย์ในจีน 71 คน นับตั้งแต่ปี 2540
“ผู้หญิงเหล่านี้ถูกหลอกโดยคนที่อ้างว่าเป็นแฟน หรือเสนองานให้ คนเหล่านี้ตั้งใจ และไม่มีอะไรมากไปกว่าความโลภ และไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจต่อมนุษย์” โบรโซสกี้ กล่าว
เป็นไปได้ว่าหญิงสาวหลายคนจบเส้นทางลงที่การทำงานในแหล่งขายบริการ แต่เนื่องจากความเสื่อมเสียของการขายบริการทางเพศ หญิงสาวเหล่านี้จึงมักจะรายงานว่า ถูกบังคับให้แต่งงาน
.
.
เวียดนาม และจีนมีพื้นที่พรมแดนติดต่อกันเป็นความยาว 1,350 กม. ที่มักมีการลักลอบขนสินค้าข้ามแดนทุกชนิด ไม่ว่า ผลไม้ สัตว์ปีก หรือผู้หญิง
“ผู้หญิงที่ถูกค้ามนุษย์ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลบนภูเขา เพราะที่นั่นไม่มีข้อมูลสำหรับเรา” ลาง อายุ 18 ปี ชนกลุ่มน้อยชาวไต ที่เดินข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมาย และถูกเพื่อนขายให้แก่ครอบครัวชาวจีน กล่าว
ในภาคเหนือของเวียดนาม การลักลอบค้ามนุษย์กลายเป็นปัญหารุนแรง บรรดาชุมชนต่างๆ ระบุว่า ต้องอาศัยอยู่กันอย่างหวาดกลัว
“ฉันกังวลมากกับเรื่องนี้ บรรดาแม่ๆ ทุกคนในหมู่บ้านก็ด้วย แต่มันเกิดขึ้นกับเด็กหญิงหลายคนแล้ว” ฟาน ปา เม ผู้สูงอายุในชุมชนชนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่ง กล่าว
“ฉันมีลูกสาว เธอแต่งงานแล้ว แต่ฉันก็เป็นห่วงหลานสาว เรามักคอยถามกันว่าเธอไปไหน และบอกให้เธอไม่ให้คุยโทรศัพท์ หรือไว้ใจใคร”
นักเคลื่อนไหวที่ทำงานต่อสู้การลักลอบค้ามนุษย์ในเวียดนาม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทางการดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ศูนย์พักพิงในเมืองลาวกาย เปิดขึ้นในปี 2553 และได้ช่วยเหลือผู้หญิงที่เป็นเหยื่อค้ามนุษย์ได้เป็นจำนวนมาก
“ไม่มีอะไรเลยที่บ้านของผู้หญิงเหล่านี้ ไม่มีแม้แต่อาหารให้กิน” เหวียน เตือง ลอง ผู้อำนวยการศูนย์ กล่าว โดยอ้างถึงความยากจนที่เลวร้ายว่าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ขับเคลื่อน
รัฐบาลระบุว่า ได้ดำเนินการโครงการให้ความรู้ในพื้นที่ชนบท ใกล้พรมแดน เพื่อเตือนหญิงสาวไม่ให้ไว้ใจบุคคลภายนอก ซึ่งผู้อำนวยการศูนย์เชื่อว่าจำนวนเหยื่อจะลดลงเรื่อยๆ
กลุ่มต่อต้านการค้ามนุษย์ในเวียดนาม กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะเตือนผู้หญิงถึงความเสี่ยง เนื่องจากสมาชิกในครอบครัว หรือเพื่อนมักหลอกให้ตายใจ ดังนั้น ควรที่จะมีบทลงโทษรุนแรงต่อบรรดาผู้ลักลอบค้ามนุษย์ รวมทั้งดำเนินคดีในระดับท้องถิ่นเพื่อกระตุ้นเตือนผู้คนในหมู่บ้านและยับยั้งไม่ให้ผู้คนกระทำความผิด.