ASTVผู้จัดการออนไลน์ - โครงการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว-ไทย ที่หยุดชะงักลงไป หลังจากที่ฝ่ายไทยล้มเลิกเส้นทางช่วงหนองคาย-กรุงเพทฯ กำลังจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง เมื่อผู้นำลาวกับจีนได้ตกลงกันจะฟื้นการเจรจาเพื่อทำสัญญาในเรื่องนี้ซึ่งดูเหมือนว่าครั้งนี้จะไม่มีไทยเกี่ยวข้องด้วย
นายหลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า ทางรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว ถือเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับความร่วมมือในโครงการใหญ่อื่นๆ ระหว่าง 2 ประเทศ สื่อจีนรายงานเรื่องนี้ก่อนหน้าจะมีการพบปะระหว่างผู้นำจีน กับนายกรัฐมนตรีลาว นายทองสิง ทำมะวง ที่เมืองซันหยา เกาะไหหลำปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นรม.ลาว เดินทางไปที่นั่นเพื่อร่วมประชุม Boao Forum Asia (BFA) ซึ่งจีนเป็นเจ้าภาพ
“ความร่วมมือด้านทางรถไฟประกอบส่วนอันสำคัญในความร่วมมือทวิภาคีเกี่ยวกับโครงการใหญ่ต่างๆ.. จีนจะพยายามหาโอกาสเร็วที่สุดในการเซ็นความตกลงเพื่อปูพื้นไปสู่ความร่วมมือในขั้นตอนต่อไป” สำนักข่าวซินหวารายงานอ้างคำพูด นรม.จีน
ลาวกับจีนอยู่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญสำหรับการปฏิรูปในเชิงลึกอันจะนำมาซึ่งโอกาสในการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี และจีนจะดำเนินมาตรการต่อเนื่องในการสร้างเสถียรภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อประโยชน์ของประชาชน ในขณะที่ลาวก็กำลังเพิ่มความพยายามในการพัฒนาเศรษฐกิจ และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน นายหลี่กล่าว
ผู้นำลาวได้ขอบคุณความช่วยเหลือ และชื่นชมการพัฒนาความสัมพันธ์กับลาวในช่วงไม่กี่ปีมานี้ซึ่งได้สร้างประโยชน์อย่างยิ่งให้แก่ประชาชน 2 ประเทศ
โครงการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงกว่า 450 กิโลเมตร จากด่านบ่อเต็น ที่ชายแดนจีนไปยังนครเวียงจันทน์ หยุดชะงักลงไปหลังจากฝ่ายจีนได้เปิดเผยการทุจริตอันใหญ่โตในกระทรวงการรถไฟแ ละรัฐมนตรีว่าการที่เคยเดินทางไปเซ็นเอ็มโอยูเรื่องนี้กับฝ่ายลาวถูกดำเนินคดีในศาล และถูกศาลพิพากษาประหารชีวิตในที่สุด
โครงการที่มีมูลค่าราว 7,000 ล้านดอลลาร์ได้รับความสนใจน้อยลงไปอีกเมื่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้ให้ความสำคัญแก่โครงการก่อสร้างระบบรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย ซึ่งจะเชื่อมต่อรถไฟจากจีนเข้ากับไทย มาเลเซีย จนถึงสิงคโปร์กับประเทศอาเซียนอื่นๆ ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม โครงการได้พัฒนาคืบหน้าไประดับหนึ่งแล้ว ซึ่งฝ่ายลาวจะต้องหาเงินก้อนใหญ่เพื่อชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบ กับอีกก้อนหนึ่งสำหรับการเก็บกู้วัตถุระเบิดตลอดเส้นทางรถไฟความเร็วสูงผ่านอีกด้วย ทั้งหมดเป็นเงินประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์.