อดโหลด.. หนุ่มเวียดนามเจ้าของเกมยอดฮิต “Flappy Bird” ถอดแอปฯ ออกแล้ว

รอยเตอร์/เอเอฟพี - หนุ่มเวียดนามผู้พัฒนาเกม Flappy Bird อดีตเกมบนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนยอดฮิตทั้งในแอปสโตร์ และเพลย์สโตร์ ได้ถอดเกมออกเมื่อเวลาเที่ยงคืนของวันอาทิตย์ (9) หลังประกาศถอดเกมก่อนหน้า 22 ชั่วโมง โดยระบุสาเหตุว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นทำลายชีวิตที่เรียบง่ายของตนเอง

เกม Flappy Bird ในเวลานี้ไม่สามารถดาวน์โหลดได้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้งานของแอปเปิล หรือกูเกิลก็ตาม แต่แฟนๆ ที่เคยโหลดเกมลงเครื่องไปแล้วยังคงสามารถเล่นเกมนี้ได้ตามปกติ

เหวียน ฮา ด่ง ผู้พัฒนาเกมจากกรุงฮานอย ได้ประกาศถอดเกมสุดฮิตในทวีต เมื่อเวลา 19.00 น. ของวันเสาร์ และกล่าวขอโทษต่อบรรดาแฟนๆ

“Flappy Bird เป็นความสำเร็จของผม แต่มันก็ทำลายชีวิตอันแสนเรียบง่ายของผมเช่นกัน ตอนนี้ผมรู้สึกเกลียดมัน” ผู้สร้างเกมสุดฮิต ระบุในทวิตเตอร์

“ผมต้องขอโทษแฟนเกม Flappy Bird อีก 22 ชั่วโมงต่อจากนี้ ผมจะถอดเกม Flappy Bird ออก ผมรับมันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว” ด่ง ทวีตข้อความในวันเสาร์ และระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางด้านกฎหมายแต่อย่างใด

Flappy Bird เกมที่ผู้เล่นจะต้องบังคับนกให้เคลื่อนผ่านท่อน้ำสีเขียว สร้างกระแสฮือฮากลายเป็นเกมโด่งดัง จากไม่เคยเป็นที่รู้จักมาก่อนเมื่อครั้งปล่อยให้ดาวน์โหลดฟรีตั้งแต่เดือน พ.ค.2556 แต่ในเวลานี้กลายเป็นเกมที่มียอดการดาวน์โหลดมากที่สุดทั้งในแอปสโตร์ และเพลย์สโตร์ โดยเกมเวอร์ชันแอนดรอยด์นั้นมียอดดาวน์โหลดสูงถึง 50 ล้านครั้ง

หลายคนตั้งคำถามเกี่ยวกับการตัดสินใจของด่งในการถอดเกมออก หลังจากที่ด่งเพิ่งพูดถึงการพัฒนาเกมนี้บนโทรศัพท์ระบบปฏิบัติการวินโดว์ของไมโครซอฟท์ได้เพียงวันเดียว

ด่ง ระบุว่าเกม Flappy Bird ได้แรงบันดาลใจจากเกม Mario Bros. ของนินเทนโด และสร้างรายได้จากโฆษณาราว 50,000 ดอลลาร์ต่อวัน ขณะเดียวกัน ก็ระบุว่าไม่ได้มองหานักลงทุนใดๆ และไม่คิดที่จะขายเกมนี้

เพื่อน 2 คน ของด่ง กล่าวว่า นินเทนโดได้ส่งจดหมายเตือนถึงด่ง แต่ฝ่ายผู้ผลิตเกมจากญี่ปุ่นระบุว่า เป็นเพียงข่าวลือ และบริษัทไม่ได้พิจารณาเรื่องคดีความ

ด้านผู้จัดการบริษัท VTC Online หนึ่งในบริษัทเกมชั้นนำของเวียดนาม แสดงความคิดเห็นว่า การตัดสินใจของด่งที่ถอดเกมออกนั้นนับว่าเป็นเรื่องฉลาด เพราะการถอยหลังหนึ่งก้าวของด่งครั้งนี้จะช่วยเลี่ยงความเสี่ยงทางกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องยากที่ด่งจะจัดการกับปัญหาทางกฎหมายด้วยตัวเองหากเกิดขึ้น

ขณะที่บรรณาธิการบริษัทสื่อ Tech in Asia Online ระบุว่า การถอดเกมออกอาจเป็นวิธีการประชาสัมพันธ์ หรืออาจเป็นเพราะแรงกดดันทางกฎหมาย หรืออาจจะรับมือกับสื่อไม่ไหวก็เป็นได้ ซึ่งสาเหตุนั้นยังคงไม่ชัดเจน.