ASTVผู้จัดการออนไลน์ - พม่าได้ยกเลิกการชั่งน้ำหนักสินค้า และสิ่งของต่างๆ เป็น “ปอนด์” (Pound) เลิกการวัดความยาวเป็น “นิ้ว” (Inch) หรือหลา (Yard) ฯลฯ ตาม “ระบบอังกฤษ” ที่ใช้มาแต่เดิม และหันมาใช้กิโลกรัม เซนติเมตร หรือเมตร ที่เรียกว่า “ระบบเมตริก”
นั่นคือระบบหน่วยวัดสากล (International System of Units) หรือ SI อันเป็นชื่อย่อจากคำว่า Le Système international d'unités ในภาษาฝรั่งเศส ที่มีความหมายอันเดียวกัน
เหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่จะต้องเปลี่ยนแปลงก็เนื่องจากว่า การส่งออกพืชผลทางการเกษตรทั้งข้าว เมล็ดถั่ว ข้าวโพด และอะไรต่อมิอะไรจากเทือกไร่นาสวนไปตลาดต่างประเทศนั้นล้วนชั่งตวงวัดด้วยระบบเมตริกมากกว่าระบบอังกฤษ หนังสือพิมพ์อีเลฟเว่นนิวส์รายงานอ้าง ดร.ปวี้นต์ สาน (Pwint San) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้สัมภาษณ์
แต่ไหนแต่ไรมา พม่าใช้ระบบ FPS คือ ฟุต (Foot) ในการวัดความยาว ปอนด์ (Pound) ชั่งน้ำหนัก และใช้วินาที (Second) หรือเซ็กเกินในการจับเวลา ต่อไปนี้จะหันมาใช้ระบบ CGS คือ เซนติเมตร (Centimetre) กรัม (Gram) และเซ็กเกิน (Second) ซึ่งจะรวมไปถึงมาตรวัดอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งด้วย
การเปลี่ยนระบบชั่งตวงวัดใหม่นี้ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายเหมือนพลิกหงายฝ่ามือ แต่ความจริงแล้วรัฐบาลกำลังจะต้องดำเนินมาตรการหลายอย่างในการสร้างความคุ้นเคยให้แก่ราษฎรทั่วไป ตั้งแต่เกษตรกรชาวนา พ่อค้าแม่ขาย และทั่วทั้งประเทศโดยรวมให้หันมาใช้ระบบ SI ที่นิยมใช้แพร่หลายยิ่งกว่าระบบอื่นในโลก
“การชั่งน้ำหนัก และการวัดค่าต่างๆ รวมทั้งดัชนีต่างๆ ที่จะออกมาโดยทางการต่อไปนี้จะเปลี่ยนไปใช้ระบบเมตริกทั้งสิ้น โดยจะมีการออกกฎหมายรองรับ ซึ่งจะทำให้เกิดความสะดวกขึ้นในการค้าขายกับต่างประเทศ ตอนนี้พม่ามีโอกาสที่จะค้าขายกับประเทศยุโรป และสหรัฐอเมริกา ดังนั้นระบบมาตรฐานที่ใช้ในประเทศของเราก็ควรเข้ากันได้กับของประเทศอื่นๆ ด้วย” หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันอ้างคำพูดของนายเอนาย (Aye Naing) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้หนึ่ง
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังชี้ให้เห็นความจำเป็นอีกหลายประการที่จะต้องเปลี่ยนแปลงเพราะระบบชั่งตวงวัดไปจากเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ทำให้เสียเวลาชั่งน้ำหนัก หรือวัดมวลใหม่อีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งจะต้องจัดทำแพกเกจใหม่ระบุมาตราต่างๆ ให้ถูกต้องกับความต้องการของประเทศตลาดไปลายทาง
รัฐบาลได้ขอให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประกาศใช้ระบบเมตริกอย่างเป็นทางการแล้ว นายปวิ้นต์ซานกล่าว.