ASTVผู้จัดการออนไลน์ - คณะกรรมาธิการชุดหนึ่งที่รับผิดอบการจัดร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 1 ว่าด้วยเรื่องการเมืองได้รายงานต่อที่ประชุมสัปดาห์นี้ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการเปลี่ยนเชื่อประเทศเวียดนาม ซึ่งปรากฏว่า ส่วนใหญ่ยังคงเห็นชอบในชื่อ “ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม” (The Socialist Republic of Vietnam) โดยให้เหตุผลว่า เป็นชื่อที่ใช้มานานรู้จักกันดีทั่วโลก ทั้งยังสะท้อนทิศทางการพัฒนาชาติได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
รัฐสภาเวียดนาม ซึ่งประชุมปีละ 2 ครั้ง ได้เปิดการประชุมสมัยปลายปีขึ้นในสัปดาห์นี้เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายหลายฉบับ รวมทั้งมีการเสนอกระทู้ด่วนจำนวนหนึ่งสอบถามรัฐบาลในหลายประเด็น รวมทั้งการช่วยเหลือประชาชนนับแสนคนในจังหวัดภาคกลางที่ประสบอุทกภัยครั้งใหญ่จากไต้ฝุ่นหวูติ๊บ (Wutip) กับไต้ฝุ่นนาดี (Nari) ด้วย
คณะกรรมาธิการชุดนี้ได้เสนอญัตติการเปลี่ยนชื่อประเทศเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาสมัยที่ผ่านมา และขอให้ผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกรัฐสภากลับไปสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตเลือกตั้งต่างๆ โดยให้พิจารณาการกลับไปใช้ชื่อเดิมคือ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม (The Democratic Republic of Vietnam) เช่นเมื่อก่อน หรือเป็นประเทศสาธารณรัฐเวียดนาม (Republic of Vietnam) โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมอย่างกลมกลืนกับโลกในยุคปัจจุบันได้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ความพยายามในการสลัดภาพลักษณ์ของการเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ได้มีมานานแล้วในเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางเศรษฐกิจในภาคใต้ของประเทศที่พัฒนาไปเร็วกว่าภูมิภาคอื่นๆ นั้นได้มีการถกเถียงเรื่องนี้ผ่านการประชุมสัมมนาอภิปรายมานานกว่า 10 ปี เกือบๆ เท่ากับช่วงเวลาที่เปิดประเทศ โดยพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามมิได้ขัดขวางการแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ตราบเท่าที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องแนวทางทฤษฎี
ความพยายามกลับไปใช้ชื่อเดิม “สาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม” นั้นมีการหารือตั้งแต่รัฐสภาชุดที่แล้ว ซึ่งดูจะเป็นการช่วยผ่อนคลายความกดดันในเรื่องนี้
แต่คณะกรรมาธิการฯ รายงานเรื่องนี้ต่อรัฐสภาชุดปัจจุบันสัปดาห์นี้ว่า หลังจากการสำรวจความคิดเห็นในหลายแง่หลายมุมแล้ว เสียงส่วนใหญ่ทั่วประเทศยังคงสนับสนุนให้คงชื่อ “สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม” เนื่องจากจะยืนยันความคงเส้นคงวาในแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ
ประชามติยังเห็นพ้องกันว่า ชื่อนี้เลือกโดยผู้แทนราษฎรที่เปิดประชุมภายหลังการรวมประเทศในปี 2519 และเป็นชื่อที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี แสดงให้ประจักษ์อีกครั้งหนึ่งว่า พรรคคอมมิวนิสต์กับประชาชนเวียดนามได้ตัดสินใจเลือกแนวทางการพัฒนาประเทศให้เป็นสังคมนิยม
ประชามติไม้เห็นด้วยกับชื่อ “สาธารณรัฐเวียดนาม” ซึ่งเป็นชื่อที่ระบอบในเวียดนามภาคใต้เมื่อก่อนที่มีสหรัฐฯ หนุนหลังเลือกใช้
ประชามติคัดค้านการกลับไปใช้ชื่อ “สาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม” เนื่องจากประเทศผ่านขั้นตอนการปฏิวัติประชาธิปไตยมาแล้ว โดยเน้นประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์ที่นำโดยพรรคคอมมิวนิสต์ พรรคการเมืองโดยชอบธรรมเพียงพรรคเดียวในขณะนี้ และปัจจุบัน ประเทศกำลังพัฒนาไปสู่การเป็นสังคมแบบสังคมนิยม (Socialist Society) สำนักข่าวซยาดี่งออนไลน์รายงาน
“ชื่อปัจจุบันใช้มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2519 จนกระทั่งปัจจุบัน ผ่านการรับรองโดยรัฐธรรมนูญปกครองประเทศปี พ.ศ.2523 และ พ.ศ.2535 การรักษาชื่อนี้ไว้ย่อมเป็นหลักประกันยั้งยืนถึงเสถียรภาพ และทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงชื่ออย่างเป็นทางการต่างๆ รวมทั้งตราเครื่องหมายประจำประเทศ เอกสารตลอดจนเงินตราด้วย ... นอกจากนั้น ชื่อนี้ยังเป็นที่คุ้นเคยของประชาชนชาวเวียดนาม ตลอดจนบรรดาประเทศเพื่อนมิตรอีกด้วย” คณะกรรมาธิการฯ ระบุในตอนหนึ่งในเอกสารรายงาน.
.
2
3