ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ฝ่ายบริหารท่าอากาศยานก๊าตบิ (Cat Bi) ในนครหายฝ่อง ได้ระดมทุกสรรพกำลังที่เป็นไปได้ออกค้นหาล้อเครื่องบิน ATR72-500 ของสายการบินเวียดนามที่หลุดหายเมื่อต้นสัปดาห์ โดยเชื่อว่าเหตุการณ์นี้น่าจะเกิดขึ้นขณะที่เที่ยวบิน VN1673 พร้อมลูกเรือ กับผู้โดยสาร 41 ชีวิต ทะยานขึ้นจากสนามบินแห่งนี้เพื่อไปยังปลายทางนครด่าหนังในภาคกลางของประเทศ
ท่าอากาศยานนครหายฝ่อง ระดมเจ้าหน้าที่ 30 นาย ออกค้นหาภาคพื้นดินตั้งแต่วันพุธเป็นต้นมา และใช้เฮลิคอปเตอร์ออกสำรวจทางอากาศในรัศมี 3 กิโลเมตร ตามเส้นทางที่เที่ยวบิน VN1673 ทะยานขึ้นในบ่ายวันจันทร์ 21 ต.ค. สำนักข่าวออนไลน์ภาษาเวียดนามรายงาน
“เจ้าหน้าที่ 20 คน ต้องแหวกหญ้าสูงทุกกอมองหาล้อที่เชื่อว่าจะหล่นหายในบริเวณทุ่งหญ้าดังกล่าวแต่ก็ยังไม่พบ” ในขณะที่อีก 10 คน ออกค้นหาบริเวณทุ่งนาที่อยู่ห่างออกไป สายการบินเวียดนาม ได้จัดทีมเจ้าหน้าที่ออกช่วยทั้งจัดอำนวยการช่วยเหลือที่จำเป็นต่างๆ เว็บไซต์เหวียดเหมย (Viet Moi) รายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับบริหารท่าอากาศยานก๊าตบิคนหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ การท่าอากาศยานนครด่าหนัง ได้ทำการ “เคลียร์พื้นที่” ทุกๆ จุดตามทางวิ่งขึ้นลง หรือรันเวย์ของสนามบิน รวมทั้งค้นหาในแอ่งน้ำ คูคลอง ซอกมุมต่างๆ ตลอดเส้นทาง ตั้งแต่จุดที่เครื่องบินเปิด “แลนดิ้งเกียร์” เพื่อเตรียมลงจอด จนถึงจุดที่ลงถึงพื้น หรือ “ทัชดาวน์” เพื่อหาล้อที่อาจจะหลุดหายไปในขณะนั้น แต่ยังไม่พบเช่นกัน
การค้นหาล้อเป็นไปตามคำแนะนำของกรมการบินพลเรือน ซึ่งกล่าวว่า มีความจำเป็นจะต้องหาชิ้นส่วนที่หลุดออกไปจากแกนล้อเพื่อนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญของบริษัทเอทีอาร์แห่งฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรุ่นนี้ทำการตรวจพิสูจน์หาสาเหตุ
.
.
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ นักบินไม่ทราบเลยว่าล้อได้หลุดหายไป หลุดออกตอนไหนและอย่างไร เครื่องบินขึ้นจากสนามบินต้นทางตามปกติ และไปถึงปลายทางตามกำหนด เพียงแต่ว่าเมื่อตอนวิ่งลงตามทางวิ่งนั้นรู้สึกเครื่องบินเอียงขวาอยู่เล็กน้อย แต่ไม่มีเหตุผิดปกติอะไรอีก
นักบิน กับเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานด่าหนังทราบเรื่องนี้ก็จนกระทั่งเครื่องบิน “แท็กซี่” เข้าสู่บริเวณที่จอดหลังซึ่งใช้เวลาอีกราว 4 นาที เมื่อฝ่ายช่างนำหมอนไปรองห้ามล้อจึงพบว่าไม่มีล้อหน้าข้างขวาอยู่ที่นั่น ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกฝ่าย
เจ้าหน้าที่เวียดนามแอร์ไลน์ส กล่าวว่า เหตุการณ์แบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากมาก ไม่เฉพาะกับเครื่อง ATR เท่านั้น หากยังรวมถึงเครื่องบินรุ่นอื่นๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้สายการบินแห่งชาติเวียดนามได้สั่งให้ ATR72-500 ทั้งฝูง จำนวน 14 ลำ หยุดขึ้นบิน และทำการตรวจเช็กอย่างละเอียดเพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้ซ้ำอีก และอนุญาตให้บินตามปกติได้ในอีกราว 24 ชั่วโมงต่อมา หลังตรวจสอบจนแน่ใจ.