ซินหวา - ทางการพม่าเผยว่า เหตุระเบิดหลายระลอกใน 5 เมืองของประเทศที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานที่ผ่านมานั้น มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มองค์กรธุรกิจของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ที่ได้บรรลุเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลพม่าเมื่อไม่นานนี้
ทั้ง 5 เมืองที่เกิดเหตุระเบิด ประกอบด้วย นครย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ สะกาย ตองอู และพยู
พล.ต.ต.ซอ วิน กล่าวในการแถลงข่าวว่า รัฐบาลเชื่อว่าเหตุระเบิดไม่มีความเชื่อมโยงกับ KNU ทั้งหมด แต่เป็นเพียงองค์กรหนึ่งที่ทำงานกับ KNU ตามหลักฐานที่ผู้ต้องสงสัยมือวางระเบิดซึ่งถูกทางการควบคุมตัว 8 คน ได้สารภาพไว้ รวมทั้งนายซอ มี้นต์ ละวิน
เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า เหตุระเบิดมีเป้าหมายที่จะขัดขวางอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ และสร้างอุปสรรคต่อการไหลเข้าของการลงทุนจากต่างชาติ นอกจากนี้ ยังได้เปิดเผยอีกว่า นายซอ มี้นต์ ละวิน ได้ทำงานกับ KNU เมื่อ 5 ปีก่อน และการกระทำของนายซอ มี้นต์ วิน ถูกวางแผนขึ้นโดยนายซอ ฉ่วย ตู๋ ที่เป็นผู้รับผิดชอบด้านธุรกิจของ KNU ซึ่งนายซอ ฉ่วย ตู๋ ผู้นี้เป็นผู้วางระเบิดในมัณฑะเลย์ และสะกาย ซึ่งยังคงลอยนวลอยู่
เจ้าหน้าที่ยังคงพยายามที่จะเปิดโปงผู้กระทำความผิดรายอื่นๆ ในความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดใน 5 เมือง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ระบุว่า เหตุที่เกิดขึ้นนี้จะไม่กระทบต่อการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่กำลังจะมีขึ้นในพม่า ซึ่งนายซอ วิน กล่าวว่า การรักษาความปลอดภัยสำหรับการแข่งขันจะแน่นหนาเข้มงวด
ด้านนายเย ตุ๊ต โฆษกประธานาธิบดี กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเจรจาสันติภาพภายในประเทศที่กำลังดำเนินอยู่กับกลุ่มกบฏชาติพันธุ์เช่นกัน พร้อมให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะร่วมมือกับองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (Interpol) ในการควบคุมการก่อการร้าย โดยระบุว่า ทางการกำลังเตรียมการยื่นร่างกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายต่อสภาเพื่อเสริมกำลังการต่อสู้กับการก่อการร้าย
ในระหว่างวันที่ 9-15 ต.ค. เกิดเหตุวางระเบิด 6 ครั้ง แต่ไม่ระเบิด 4 ครั้ง ในนครย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ สะกาย ตองอู และพยู และเหตุระเบิดเกสต์เฮาส์ในตองอู เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน ส่วนเหตุระเบิดที่โรงแรมเทรดเดอร์ในนครย่างกุ้ง เมื่อวันที่ 14 ต.ค. มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน
ส่วนที่เมืองน้ำคำ ในรัฐชาน เกิดเหตุโจมตีด้วยระเบิด ในวันที่ 16 ต.ค. และ 17 ต.ค. ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และได้รับบาดเจ็บ 6 คน
เจ้าหน้าที่พม่าระบุว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่มุ่งสร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชนและขัดขวางสันติภาพ และความมั่นคง และกฎหมายของประเทศ ในขณะที่ประเทศได้รับตำแหน่งประธานอาเซียน และกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาของภูมิภาค.