เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมประชาชน 44 คน ในความเกี่ยวโยงกับเหตุความรุนแรงต่อต้านมุสลิมในพื้นที่ทางภาคตะวันตกของพม่า สื่อของทางการพม่าเผยวันนี้ (6 ต.ค.) หลังความรุนแรงครั้งล่าสุดปะทุขึ้นระหว่างการเยือนของประธานาธิบดี
ช่วงเวลาหลายวันของความตึงเครียดในเมืองซันด์เว รัฐยะไข่ กลายเป็นเหตุนองเลือดเมื่อวันอังคาร (1 ต.ค.) เมื่อกลุ่มม็อบหลายร้อยคนเข้าโจมตีหมู่บ้าน จุดไฟเผาบ้านเรือน และทำร้ายชาวมุสลิม
ความไม่สงบยังดำเนินต่อมาจนถึงวันพุธ แม้ประธานาธิบดีเต็งเส่ง จะกำลังเดินทางเยือน และพักค้างคืนในเมืองซันด์เว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเยือนรัฐยะไข่ครั้งแรกนับตั้งแต่คลื่นความรุนแรงทางศาสนาปะทุขึ้นในพื้นที่่เมื่อปีก่อน ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน และอีกหลายหมื่นคนต้องไร้ที่อยู่
หนังสือพิมพ์นิวไลท์ออฟเมียนมาร์ รายงานว่า ชาย 42 คน และหญิง 2 คน ถูกสอบสวนในข้อสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับเหตุไม่สงบระหว่างวันที่ 29 ก.ย. ถึง 1 ต.ค.
รายงานระบุว่า เหตุความไม่สงบในเมืองซันด์เว ทำให้บ้านเรือน 114 หลัง อาคารทางศาสนา 3 หลัง และปั๊มน้ำมัน 1 แห่ง ถูกเผาทำลายเสียหาย และยังทำให้ผู้คน 482 คน ต้องไร้บ้าน มีผู้เสียชีวิต5 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 5 คน
เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ผู้เสียชีวิตคนที่ 6 เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจระหว่างเหตุไม่สงบในวันอังคาร ซึ่งเกิดขึ้นใกล้กับหาดงาปาลี สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของพม่า
“สถานการณ์สงบลงแล้วในตอนนี้ แต่เรายังคงจับตาเฝ้าระวัง” เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าว
ทั้งสหรัฐฯ และสหประชาชาติต่างแสดงความรู้สึกกังวลต่อเหตุการณ์ความไม่สงบครั้งล่าสุดนี้
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อนเป็นการต่อสู้ระหว่างชาวพุทธยะไข่ และชาวมุสลิมโรฮิงญาที่ได้ลุกลามไปยังกลุ่มชาวมุสลิมอื่นๆ จนกลายเป็นเป้าโจมตีมากขึ้น ประชาชนราว 250 คน ถูกสังหารและมากกว่า 140,000 คนต้องไร้บ้าน ในเหตุความรุนแรงระหว่างชาวพุทธและมุสลิมที่เกิดขึ้นหลายระลอกทั่วประเทศ นับตั้งแต่เดือน มิ.ย.2555 ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่.