ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ดีเปรสชันลูกใหม่ก่อตัวขึ้นในทะเลจีนใต้ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางในกรุงฮานอยกล่าวว่า มีโอกาสที่จะทวีความแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนได้ขณะพัดเข้าฝั่งในวันพุธ 18 ก.ย.นี้ และอ่อนแรงลงเป็นดีเปรสชันอย่างรวดเร็วขณะเคลื่อนเข้าสู่ดินแดนลาวในวันที่ 19 แต่ปัญหาสำคัญยิ่งกว่าความแรงของพายุก็คือ ฝนที่จะตกอย่างหนักตลอด 2-3 วันข้างหน้า
แผนภูมิพยากรณ์ที่ออกเช้าตรู่วันพุธ แสดงให้เห็นการก่อตัวของดีเปรสชันที่บริเวณหมู่เกาะพาราเซล ก่อนจะพัดเข้าสู่จังหวัดภาคกลางเวียดนามในวันที่ 19 แต่แผนภูมิพยากรณ์ที่ออกเวลา 11.30 น. แสดงให้เห็นพายุที่เคลื่อนตัวเร็วขึ้น และอายุหดสั้นลงถึง 48 ชั่วโมง ซึ่งแสดงให้เห็นความผันผวนอันรุนแรง และอาจจะหมายถึงฝนที่จะตกหนัก จนถึงหนักที่อาจจะวัดได้ 100-450 มิลลิเมตร ตั้งแต่วันพุธนี้เป็นต้นไป
สภาพภูมิอากาศที่กำลังผันผวนในดินแดนประเทศเพื่อนบ้านจะส่งผลกระทบถึงจังหวัดภาคอีสานตอนล่างของไทย ซึ่งจะเกิดฝนตกหนักครอบครอบคลุมบริเวณกว้าง
นับเป็นโชคดีสำหรับอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง ที่การก่อตัวของพายุลูกใหม่เกิดขึ้นในช่วงเดียวกับพายุโซนร้อนลูกใหญ่มหึมาก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วทางตะวันออกของหมู่เกาะฟิลิปปินส์ และกำลังจะทวีความเร็วใกล้ศูนย์กลางขึ้นเป็นไต้ฝุ่นระดับ 1 ใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า
ไต้ฝุ่นอูซางิ (Usagi) กำลังจะพัดขึ้นเหนือเข้าสู่ชายฝั่งตอนใต้ของจีน สถานการณ์เช่นนี้ส่งผลทำให้พายุลูกใหม่ในทะเลจีนใต้อ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว ศูนย์อุตุนิยมวิทยาฯ เวียดนามกล่าว
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานนี้ได้แจ้งเตือนทางการท้องถิ่นต่างๆ ตั้งแต่นครด่าหนัง ขึ้นไปจนถึง จ.เถือะเทียนเหว (Thua Thien Hue) และ จ.กว๋างจิ (Quang Tri) ในภาคกลางตอนบนเตรียมรับมือฝนตกหนักตลอด 48-60 ชั่วโมงข้างหน้า ซึ่งอาจจะวัดได้ 100-300 มม.
ในเขต 3 จังหวัดที่ราบสูงคือ ซยาลาย (Gia Lai) กงตูม (Kon Tum) กับ จ.ดั๊กลัก (Dak Lak) คาดว่าฝนจะตกหนักที่สุดอาจวัดได้ถึง 300-459 มม. และมีโอกาสอย่างสูงที่จะเกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่เสี่ยงภัยต่างๆ ขณะเดียวกัน ได้แจ้งเตือนให้เรือประมงในจังหวัดภาคกลาง ลงไปจนถึงตอนใต้ของประเทศต้องหาที่กำบังคลื่นลมแรงตั้งแต่เช้าวันพุธนี้
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาฯ ของเวียดนามกล่าวว่า ปัจจุบันระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน และอ่างเก็บน้ำชลประทานในเขตภาคกลาง และที่ราบสูงภาคกลางที่มีอยู่หลายสิบแห่งมีระดับน้ำที่เต็มปิ่มเนื่องจากฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องตลอด 2 สัปดาห์มานี้ ซึ่งท้องถิ่นต่างๆ ควรจะต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิด.
.