“ซูจี” ระบุความรุนแรงต่อต้านมุสลิมในพม่ายุติลงได้ด้วยกฎหมาย

เอเอฟพี - นางอองซานซูจี แกนนำฝ่ายค้านพม่ากล่าววานนี้ (12) ว่า ตนเองเพียงลำพังไม่สามารถที่จะหยุดความรุนแรงต่อต้านชาวมุสลิมในประเทศได้ และว่าทางแก้ไขคือ การออกกฎหมาย

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันสามารถทำได้ แต่ฉันคิดว่าสังคมทั้งหมดจะสามารถทำร่วมกันได้” ซูจี กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงวอร์ซอว์ ระหว่างเดินทางเยือนประเทศในยุโรป

“เราจำเป็นต้องใช้กฎหมายเพื่อให้ประชาชนรู้สึกถึงความปลอดภัย และเมื่อประชาชนรู้สึกถึงความปลอดภัยก็สามารถที่จะพูดคุยกับคนอื่นๆ และพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่จะทำให้เกิดความปรองดองสามัคคีเพื่ออนาคตของชาติ” ซูจีตอบคำถามของผู้สื่อข่าว หลังถูกถามว่านางจะทำสิ่งใดเพื่อหยุดความรุนแรงทางศาสนา

ในขณะที่ซูจี ได้รับการยกย่องจากความพยายามในการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย แต่นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนต่างชาติบางคนได้กล่าวหาว่า ซูจี ล้มเหลวที่จะประณามความรุนแรงต่อต้านมุสลิมในพม่า

เหตุปะทะกันทางศาสนาในรัฐยะไข่เมื่อปีก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมโรฮิงญาที่ถูกทางการพม่าปฏิเสธให้สถานะพลเมือง

ซูจี ได้ร่วมมื้อกลางวันกับเลค วาเลซา ผู้ปลุกระดมต่อต้านคอมมิวนิสต์ชาวโปแลนด์ และเป็นแกนนำสหภาพการค้าโซลิดาริตี ที่เจรจาสิ้นสุดการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ในโปแลนด์เมื่อปี 2532 และไม่กี่ปีต่อมา เลค วาเลซา ได้กลายเป็นประธานาธิบดีจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยคนแรกของโปแลนด์ นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

วาเลซา ในวัย 69 ปี กล่าวว่า เขาคิดว่าในวันหนึ่งพม่าจะประสบความสำเร็จในการปกครองระบอบประชาธิปไตยเช่นเดียวกับโปแลนด์ และก่อนที่โปแลนด์จะประสบความสำเร็จเช่นนี้ก็ต้องพ่ายแพ้ในการต่อสู้หลายครั้ง พม่าอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกัน แต่ท้ายสุดก็จะเป็นฝ่ายชนะในการต่อสู้นั้น

ซูจี ที่เคยกล่าวว่า จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2558 ย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันของพม่า ที่นางกล่าวว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่ขัดแย้งต่อคุณค่าของระบอบประชาธิปไตยทุกอย่าง รวมทั้งการขัดขวางบุคคล เช่น ซูจี ที่มีคู่สมรส หรือบุตรเป็นชาวต่างชาติขึ้นเป็นผู้นำประเทศ

หลังจากการเยือนโปแลนด์ ซูจีมีกำหนดที่จะเดินทางเยือนฮังการี และสาธารณรัฐเช็ก.