20 ปีญี่ปุ่นช่วยเวียดนาม $22,000 ล้านในการพัฒนาประเทศ

<bR ><FONT color=#000033>งานฐานรากโครงการรถไฟฟ้าในเขตเมืองของกรุงฮานอยโผล่ขึ้นมาให้เห็นในภาพวันที่ 11 มิ.ย.2556 แต่การก่อสร้างในส่วนนี้ก็ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ ส่วนในนครโฮจิมินห์ปัจจุบันกลุ่มบริษัทฮิตาชิจากญี่ปุ่นกำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนใต้ดิน-บนดินเส้นทางแรกในนครใหญ่ที่มีประชากรกว่า 8 ล้านคน เป็นมูลค่า 373.2 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าเงินทุนจะมีพร้อมอยู่แล้วก็ตามการก่อสร้างต้องล่าช้าจากหลากหลายปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเวนคืนที่ดิน. -- REUTERS/Kham.</b>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - นับตั้งแต่เริ่มเปิดประเทศเมื่อ 20 ปีที่แล้วเป็นต้นมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้ความช่วยเหลือรูปแบบต่างๆ รวมเป็นเงินประมาณ 22,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือเวียดนามพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคม มีการเปิดเผยตัวเลขนี้ในวันจันทร์ 26 ส.ค. ในโอกาส นายโอกิฮิโก ทานากะ (Okihiko Tanaka) ประธานองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency) ไปเยือน และเข้าเยี่ยมคำนับนายกรัฐมนตรีเวียดนามเหวียนเติ๋นยวุ๋ง

จนถึงปัจจุบัน ได้มีการใช้จ่ายเงินทุนความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ หรือ ODA (Official Development Assistance) จากญี่ปุ่นไปประมาณ 14,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวว่า มีส่วนสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน กับการแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อน หนังสือพิมพ์ฮานอยไทม์ส สื่อออนไลน์ภาษาเวียดนามรายงาน

เงิน ODA ทีทั้งในรูปเงินกู้ระยะยาวดอกเบี้ยต่ำ กับเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่า ซึ่งโดยทั่วไปจะคิดเป็นสัดส่วน 70 ต่อ 30 สำหรับแต่ละโครงการ แต่สื่อออนไลน์ไม่ได้แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเงิน ODA จากรัฐบาลญี่ปุ่น

นายกฯ เวียดนาม ยังเรียกร้องให้ JICA ประสานงานกับกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้โครงการร่วมทุนต่างๆ ระหว่างญี่ปุ่นกับเวียดนามให้ประสบผลสำเร็จดีงาม ฮานอยไทม์สรายงานในเว็บไซต์

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายญี่ปุ่นได้ขอให้รัฐบาลเวียดนามสร้างเงื่อนไขอำนวยความสะดวกให้แก่โครงการลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับปัญหาเวนคืนที่ดิน และการเตรียมงานที่ไซต์งาน ซึ่งมีความสำคัญสำหรับการเริ่มต้นให้โครงการลงทุนต่างๆ บังเกิดได้ รวมทั้งการตรวจตราการใช้จ่ายเงิน ODA อย่างรัดกุมด้วย

ไจก้าจะพยายามทุกๆ ทางเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ร่วมมือมิตรภาพกับฝ่ายเวียดนามต่อไป หนังสือพิมพ์ออนไลน์ อ้างคำพูดของนายทานากะ

ไม่เฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่นเท่านั้น ชาวต่างชาติทั่วไปมักจะร้องเรียนปัญหาความล่าช้าของระบบราชการในเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเวนคืนที่ดิน และเคลียร์หน้าดิน ที่ทำให้การดำเนินโครงการลงทุนต้องล่าช้าออกไปจากกำหนด ทำให้เกิดปัญหาติดตามมาอีกหลายอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารจัดการเงินทุนกับระบบธนาคาร

ญี่ปุ่นยังห่วงใยเรื่องการตรวจสอบการใช้เงินช่วยเหลือที่มักจะรั่วไหล หรือมีการใช้จ่ายผิดประเภท

ไม่กี่ปีมานี้ โครงการพัฒนาขนาดใหญ่บางโครงการในเวียดนามกลายเป็นความอื้อฉาวเกี่ยวกับการคอร์รัปชันในรูปของการจ่าย และรับเงินสินบน รวมทั้งการตรวจรับงานที่คุณภาพไม่ได้มาตรฐานอีกด้วย.