เอเอฟพี - ทางการพม่าเริ่มเคลื่อนย้ายผู้คนในวันนี้ (12) ไปยังที่หลบภัยฉุกเฉิน ขณะที่พายุไซโคลนในอ่าวเบงกอลคาดว่าจะเข้าพัดถล่มรัฐที่เกิดเหตุความรุนแรงระหว่างศาสนา และเป็นบ้านของผู้ลี้ภัยภายในประเทศหลายหมื่นคน
ผู้พลัดถิ่นภายใน (IDPs) ราว 140,000 คน อาศัยอยู่ในเต็นท์บอบบาง หรือที่อยู่ชั่วคราวที่มองว่ามีความเสี่ยงเป็นอย่างยิ่งต่อการเผชิญกับ “ไซโคลนมาฮาเซน” ที่กำลังทวีความรุนแรงอยู่ในอ่าวเบงกอล
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาพม่าระบุคาดว่า ไซโคลนจะขึ้นฝั่งในพื้นที่บางแห่งใกล้กับพรมแดนพม่า-บังกลาเทศ ในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดี (16) และว่าพายุมาฮาเซนที่มีความเร็วลมประมาณ 100 กม. ต่อชั่วโมง มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงเป็นพายุหมุนเขตร้อนไซโคลน ภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า พร้อมแจ้งเตือนให้เรือต่างๆ อยู่ในสถานะระวังภัย
ผู้พลัดถิ่นภายในที่ตกอยู่ในความเสี่ยง ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมโรฮิงญาที่ไร้ที่อยู่จากเหตุความรุนแรงทางศาสนาซึ่งปะทุขึ้นเมื่อเดือน มิ.ย. ปีก่อน
“ยังมีประชาชนจำนวนมากอาศัยอยู่ในเต็นท์ชั่วคราว ในตอนนี้เรากำลังย้ายผู้พลัดถิ่นไปยังที่พักถาวรที่แข็งแรงกว่าเดิมให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้” เมียว ธันต์ โฆษกรัฐบาลรัฐยะไข่ กล่าวและว่า ยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับศักยภาพของที่พักที่ตั้งอยู่ในเมืองซิตตะเว และที่พักมีไม่เพียงพอสำหรับผู้ไร้ที่อยู่เหล่านี้ทั้งหมด
“คนที่เหลือจะถูกส่งไปอาศัยกับญาติในหมู่บ้านอื่นๆ และตามอาคารเรียนที่อยู่ใกล้เคียง” นายเมียว ธันต์ กล่าว
วิทยุท้องถิ่นออกคำเตือนพายุไซโคลนที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ ในขณะที่ลำโพงขยายเสียงส่งข้อความไปยังผู้คนในหมู่บ้านต่างๆ ในรัฐยะไข่ ที่เป็นหนึ่งในรัฐที่ยากจน และห่างไกลที่สุดของพม่า
การแจ้งเตือนครั้งนี้ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ไซโคลนนาร์กิสที่สร้างควาามเสียหายให้แก่พื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดีของพม่าเมื่อเดือน พ.ค.2551 และมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้นไปราว 140,000 คน
หน่วยงานประเมินภัยพิบัติของสหประชาชาติระบุว่า กำลังเตรียมการจัดหาที่พักให้แก่ผู้ไร้ที่อยู่ได้สูงสุดที่ 13,000 คน ในเมืองซิตตะเว และแสดงความกังวลถึงผู้พลัดถิ่นภายในที่อาศัยอยู่ในค่ายพักที่ก่อสร้างไม่ดี และระบุว่า ค่ายพักหลายแห่งตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำตามแนวชายฝั่งซึ่งเสี่ยงเผชิญกับคลื่นพายุหมุนยกซัดฝั่ง.