“ฮุนเซน” บอกชาวเขมรอยู่ในความสงบขณะศาลโลกไต่สวนคดีพระวิหาร

.

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซน ได้ขอให้ชาวกัมพูชาอยู่ในความสงบ ในขณะศาลโลกไต่สวนกรณีปราสาทพระวิหาร ถึงแม้ว่าชาวไทยกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหวตามแนวชายแดนก็ตาม ฮุนเซนพูดถึงเรื่องนี้ขณะปราศรัยในงานพิธีที่วัดแห่งหนึ่ง ใน จ.เปรย์แวง (Prey Veng) วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สำนักข่าวของรัฐบาลรายงาน

ฮุนเซนได้ขอให้ชาวกัมพูชาอดทน และอดกลั้น ขณะศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) ขององค์การสหประชาชาติเปิดการไต่สวนเรื่องนี้ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ และรอฟังว่า ICJ จะตัดสินใจรับตีความคำพิพากษาครั้งวันที่ 15 มิ.ย.2505 ตามที่ฝ่ายกัมพูชายื่นขอหรือไม่ แม้ว่าขณะนี้ “ชาวไทยหัวรุนแรงกลุ่มเล็กๆ จะเริ่มสร้างปัญหาที่ชายแดน” ก็ตาม

นรม.กัมพูชา กล่าวถึงเรื่องนี้หลังจากนายฮอร์นัมฮอง รองนายกฯ และรัฐมนตรีต่างประเทศ นำคณะเดินทางสู่กรุงเฮก 2 วันก่อนหน้านั้น เพื่อเข้าให้การต่อ ICJ ตามกำหนด เช่นเดียวกับคณะของฝ่ายไทยซึ่งเป็นคู่กรณี

กัมพูชาได้ยื่นต่อศาลโลกในวันที่ 28 เม.ย.2554 ขอให้ตีความคำพิพากษาเมื่อ 50 ปีก่อน ซึ่งให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา และขอให้ไทยถอนทหาร ตำรวจ กับเจ้าหน้าที่ออกจากดินแดนกัมพูชา รวมทั้งให้ส่งคืนโบราณวัตถุทั้งหมดที่นำไปจากปราสาทพระวิหารอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาเมื่อปี 2505 ขาดความชัดเจนเกี่ยวกับอาณาบริเวณรอบๆ ปราสาท ซึ่งไทยกล่าวว่าเป็นดินแดนของไทย ตลอดเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมา โดยฝ่ายกัมพูชาไม่เคยโต้แย้ง

พื้นที่ราว 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่อยู่บริเวณรอบๆ ปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตสันปันน้ำของไทยตามสนธิสัญญาพรมแดนฝรั่งเศส-สยามปี 1904 แต่ปรากฏเป็นของกัมพูชาในแผนที่ปี 1907 ที่จัดทำโดยเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสที่ขัดต่อสนธิสัญญาดังกล่าว และยังเป็นแผนที่มาตราส่วน 1 : 125,000 ที่ขาดรายละเอียดสำคัญต่างๆ

ในวันที่ 19 ก.ค.2554 ศาลโลกได้มีคำสั่งให้ทั้งไทย และกัมพูชาถอนทหารออกจาก “ดินแดนพิพาท” ที่ประกาศให้เห็น “เขตปลอดทหารชั่วคราว” และห้ามมีการเคลื่อนไหวทางทหารใดๆ ต่อเขตปลอดทหารดังกล่าว

นายฮอร์นัมฮอง ให้สัมภาษณ์ก่อนนำคณะออกเดินทางวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา แสดงความเชื่อมั่นว่า ศาลโลกจะรับพิจารณาตีความตามที่กัมพูชาร้อง เพราะว่า ICJ ให้ความสนใจต่อเรื่องนี้มาก สำนักข่าวกัมพูชากล่าว

ผู้แทนของทั้งสองฝ่ายจะเข้าให้ปากคำต่อ ICJ ระหว่างวันที่ 15-18 เดือนนี้ โดยสลับวันกัน และคาดว่าศาลฯ จะตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ในช่วงปลายปี.