.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เป็นเวลาเกือบ 20 ปีที่หญิงชาวเวียดนามคนหนึ่งใน จ.นามดีง (Nam Dinh) ทางตะวันออกเฉียงใต้กรุงฮานอย ต้องให้สามีที่ป่วย และอ่อนแอขี่หลังทุกวันเพื่อไปขอทาน และปฏิบัติกิจวัตรนี้เป็นประจำแทบจะทุกวัน ท่ามกลางความเห็นอกเห็นใจของผู้ที่พบ และรู้จักเบื้องหน้าเบื้องหลัง
แต่สำหรับประชาคมออนไลน์เวียดนาม หลายคนมองว่า เป็นกลยุทธ์ของพวกขอทานอาชีพ หลายคนแสดงความรังเกียจฝ่ายชายที่ทำให้ฝ่ายหญิงต้องมาแบกรับภาระเช่นนี้ และมองว่าเป็นการเอาเปรียบเพศหญิง
ผู้ที่รู้เรื่องราวอันเป็นเบื้องหน้าเบื้องหลังของคนทั้งสองกล่าวว่า ฝ่ายหญิงคือ นางเหวียนถิเตวียต (Nguyen Thu Tuyet) มีความมุ่งมั่นอย่างสูง และเธอยอมทำทุกอย่างเพื่อให้มีเงินไปรักษาสามีคือ นายเหวียนวันกวาง (Nguyen Van Quang) ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจเรื้อรังจนกว่าเขาจะหาย
ทั้งคู่อายุ 45 ปีเท่ากัน แต่งงานอยู่กินกันมาตั้งแต่อายุ 20 แต่เพียงไม่กี่ปี นายกวางก็เริ่มมีอาการป่วย และการรักษาโรคนี้ทำให้สองสามีภรรยาต้องขายทรัพย์สินทุกอย่างที่มีอยู่ รวมทั้งบ้านที่ได้รับตกทอดจากบรรพบุรุษด้วย ปัจจุบัน จึงต้องอาศัยอยู่ในเพิงเล็กๆ ที่สร้างขึ้นบนที่ดินที่ถูกทิ้งให้รกร้างของญาติฝ่ายหญิง
ในปีแรกๆ เตวียตได้ดิ้นรนทุกทางเพื่อหาเงินไปรักษาสามี ตั้งแต่เป็นแม่ค้าขายของในตลาด รับจ้างทำงานบ้านกับอีกสารพัด แต่เมื่ออาการของนายกวางเริ่มรุนแรงมันทำให้เธอต้องละทิ้งทุกอย่าง เพื่ออยู่ดูแลเขาอย่างใกล้ชิด .. ชีวิตคนทั้งสองจึงลงเอยด้วยการเป็นขอทานที่ทำให้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา สำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรสรายงาน
นางเตวียตบอกกับสำนักข่าวออนไลน์แห่งนี้ว่า เธอสามารถแบกรับความยากลำบากได้ทุกอย่างเพื่อให้สามีหายป่วย และหากเป็นไปได้เธอก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายรับความเจ็บปวดแทนสามีด้วย..
สัปดาห์นี้ ภาพๆ หนึ่งของนายกวางกับนางเตวียตได้แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็วในเว็บไซต์ข่าวภาษาเวียดนาม เว็บบล็อก และเฟชบุ๊ก และเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ กับการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในประชาคมออนไลน์
ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกล่าวว่า “แค่คิดขอทานก็ผิดแล้ว” ทั้งคู่ควรแสวงหาความช่วยเหลือจากรัฐ จากองค์กร หรือมูลนิธิการกุศลต่างๆ รวมทั้งการหาโอกาสเพื่อขอเป็นคนไข้อนาถา และเรียกร้องให้ประชาคมออนไลน์หาทางช่วยเหลือสองสามีภรรยาในภาพ
แต่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับความเห็นข้างต้นนี้กล่าวโต้แย้งว่า แม้เวียดนามจะเป็นระบอบสังคมนิยม และมีระบบรัฐสวัสดิการก็ตาม แต่ระบบดูแลสุขภาพที่รัฐจัดให้ก็ยังไม่สามารถครอบคลุมได้ทุกโรค และรัฐบาลเวียดนามก็ยังไม่ได้ร่ำรวยมากมายที่จะทุ่มเทในเรื่องนี้ ในขณะที่ยังมีภาระอีกหลายด้าน รวมทั้งการป้องกันประเทศด้วย นอกจากนั้น โอกาสที่จะได้รับการช่วยเหลือจากองค์กรการกุศลต่างๆ ก็ยังมีน้อย ระบบการเมืองของเวียดนามยังไม่เปิดกว้างให้แก่องค์กรภาคเอกชนจากต่างประเทศ
แต่ชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยได้ละทิ้งการถกเถียงในเรื่องรัฐสวัสดิการ และโอกาสสำหรับการรักษาฟรี แต่ได้มองลึกลงไปในความสัมพันธ์ฉันคู่ชีวิตของคนทั้งสอง
ชาวเน็ตคนหนึ่งกล่าวว่า ภาพนี้ใช้อธิบาย “ความรัก” ได้แทนคำพูดร้อยคำพันคำ และหลายคนขอให้หญิงในภาพนี้มีสุขภาพดีพลานามัยสมบูรณ์ อีกหลายคนบอกว่านี่คือตัวอย่างความรัก ความเสียสละที่หนุ่มสาวในยุคใหม่ควรจะยึดเป็นแบบอย่าง
ยังมีอีกนับร้อยความเห็นที่แสดงออกในทางเห็นอกเห็นใจสองสามีภรรยา และยกย่องความเสียสละของฝ่ายหญิง ที่ยอมทนทุกข์กับคู่ชีวิต ทั้งๆ ที่เธอมีทางเลือกมากกว่านี้
“นี่คือยอดหญิงอย่างแท้จริง เธอสู้ตราบเท่าที่สามีของเธอยังสู้ ขอเป็นกำลังใจให้เธอ” ชาวออนไลน์คนหนึ่งเขียนลงในเว็บไซต์ข่าวภาษาเวียดนามของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋.