เอเอฟพี - นางอองซานซูจี ผู้นำเรียกร้องประชาธิปไตยพม่า ได้แสดงความหวังว่า ประเทศของนางจะดำเนินการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยได้อย่างสมบูรณ์และกลายเป็นประเทศแห่งความหวัง
“ฉันมาวันนี้เพื่อต้องการขอบคุณทุกท่าน และขอให้ทุกท่านอยู่เคียงข้างเราจนกว่าเราจะสิ้นสุดการเดินทางไปยังระบอบประชาธิปไตย และเมื่อเราสามารถช่วยเหลือคนอื่นๆ ได้เช่นกัน” นางซูจีกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันเสาร์ (22) ที่วิทยาลัยควีนส์ ในนครนิวยอร์ก
นางซูจีกล่าวถึงความปรารถนาของตัวเองว่า พม่าสามารถกลับไปเป็นเช่นเดิมดังที่เคยเป็นเมื่อครั้งก่อนที่รัฐบาลเผด็จการทหารจะเข้ามามีอำนาจ และเป็นประเทศแห่งความหวัง แม้ว่าในตอนนี้ จะยังไม่เข้าใกล้เป้าหมายปลายทางของการเป็นสังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แต่การเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นแล้วในพม่า แม้จะยังไม่เปลี่ยนแปลงทั้งหมดก็ตาม แต่ก็มั่นใจว่า พม่ากำลังก้าวไปสู่การเป็นสังคมประชาธิปไตย
“เมื่อ 2 ปีก่อน พม่ามีหนังสือพิมพ์เพียง 2 ฉบับ แต่ในเวลานี้ มีทั้งวารสาร นิตยสาร และหนังสือพิมพ์ใหม่ๆ มากมาย” ซูจีกล่าว
นางซูจีที่ในสัปดาห์นี้ได้รับรางวัลเกียรติยศจากสภาคองเกรส ได้เดินทางมายังนิวยอร์กหลังเสร็จสิ้นการเยือนกรุงวอชิงตันที่เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ครั้งแรก นาน 18 วัน นับตั้งแต่ได้รับอิสระจากการถูกกักบริเวณในบ้านพักเมื่อ 2 ปีก่อน
เมื่อวันศุกร์ (21) ซูจีได้เดินทางไปยังสหประชาชาติ และได้รับรางวัลโกลบอล ซิติเซ็น (Global Citizen) ประจำปี 2012 ซึ่งจัดโดยสภาแอตแลนติก จากการอุทิศตนต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศ โดยนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เป็นผู้มอบรางวัล ซึ่งนางลาการ์ดกล่าวถึงนางซูจีว่า นางรู้สึกเกรงขามต่อความอ่อนโยน และเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของนางซูจี
นอกจากนางซูจีแล้ว ยังมีผู้ที่ได้รับรางวัลเดียวกันนี้อีก 3 คน คือ เฮนรี คิสซิงเจอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซาดาโกะ โอกาตะ อดีตข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ และควินซี่ โจนส์ นักร้องระดับตำนาน
ในการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ครั้งนี้ ซูจีมีกำหนดการที่จะเข้าร่วมงานมากเกือบร้อยงานในทั่วประเทศ โดยนางจะเดินทางไปยังเมืองฟอร์ทเวย์น รัฐอินดีแอนา ในวันที่ 25 ก.ย. เพื่อพบกับชุมชนชาวพม่าที่ตั้งรกรากอยู่ในเมืองดังกล่าวเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น นางยังจะแวะเยือนที่ลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกี ซานฟรานซิสโก และลอสแองเจลิส.