.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เรื่องจริงที่ไม่มีการปิดบังก็คือ ทางการเวียดนามได้สั่งปลดป้ายที่มีข้อความเกี่ยวกับ “ไชน่าบีช” (China Beach) หรือ “หาดจีน” ออกจากถนนทุกสาย และแผ่นป้ายโฆษณาทุกชิ้นในนครด่าหนังตั้งแต่ 2 ปีมาแล้ว และห้ามเรียกหาดทรายสวยงามด้วยชื่อนี้อีก ให้ใช้ชื่อเดิมที่เป็นภาษาเวียดนาม คือ หาดหมีเค (Bãi biển Mỹ Khê) ขณะนี้เวียดนามกำลังพยายามลบชื่อต้องห้ามนี้ออกจากแผนที่โลก
ที่ผ่านมา กระทรวงสารสนเทศและโทรคมนาคม ได้ทยอยแจ้งให้เว็บไซต์ท่องเที่ยวแห่งต่างๆ ลบชื่อ “ไชน่าบีช” ออกไป ไม่เช่นนั้นก็จะถูกปิด โดยให้เหตุผลว่า China Beach เป็นชื่อที่สร้างความสับสนให้แก่ผู้คนที่ไปจากทั่วโลก ในขณะที่ชื่อภาษาเวียดนามแต่ดั้งเดิมนั้นมีอยู่แล้ว
การดำเนินการล่าสุดนี้ มีขึ้นในช่วงปีที่กรณีพิพาทในทะเลจีนใต้ระหว่างเวียดนามกับจีนฝ่ายหนึ่ง และจีน-ฟิลิปปินส์อีกฝ่ายหนึ่ง กำลังลุกลามออกไปใหญ่โต และยังสร้างความแตกแยกขึ้นในกลุ่มอาเซียนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน ชื่อ China Beach ยังคงปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ท่องเที่ยวในต่างประเทศอยู่ต่อไป แต่เชื่อว่า กาลเวลาจะค่อยๆ ทำให้ชื่อที่ไม่ต้องการนี้หายไป สำนักข่าวออนไลน์ภาษาเวียดนามรายงาน
ชื่อ China Beach ติดหู และติดอยู่ในสำนึกการรับรู้ของผู้คน เมื่อครั้งที่ละครทีวีชุดหนึ่งในสหรัฐฯ นำไปเรียกแทนหาดหมีแขซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนชายทะเลยอดนิยมของทหารอเมริกันในเวียดนามเมื่อครั้งสงคราม ละครชุดนี้เผยแพร่โดยโทรทัศน์ ABC ระหว่างปี 2531-2534 เมื่อละครมีเรตติ้งสูง หาดทรายในเวียดนามก็จึงกลายเป็น “หาดจีน” ไป สำนักข่าวซเวินจี๊รายงาน
หลายปีต่อมา จนถึงปัจจุบัน ชื่อ China Beach ได้ถูกนำไปโฆษณาทั้งใน และต่างประเทศ รวมทั้งในเว็บไซต์ข่าวการท่องเที่ยวในเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็น vietnamanztravel.com, vietcharmtour.vn หรือ vietnamleadertravel.com.vn ซึ่งต่างก็นำเอาคำว่า “ไชน่าบีช” กับ “ด่าหนัง” ไปโฆษณาควบคู่กันตลอดมา
“การแนะนำด้วยชื่อ ไชน่าบีช เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ เพราะสร้างความสับสนให้แก่นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเกี่ยวกับหาดทรายสวยที่สุดแห่งหนึ่งในเวียดนาม” นายเหวียนวันต๋วน (Nguyen Van Tuan) ผู้อำนวยการองค์การบริหารการท่องเที่ยวเวียดนามอธิบาย ทั้งยืนยันว่า เว็บไซต์ภาษาเวียดนามเกือบทั้งหมดได้ลบแล้ว
นายเหวียนฟุกลีง (Nguyen Phuc Linh) รองผู้อำนวยการสำนักงานวัฒนธรรม การท่องเที่ยวและกีฬา นครด่าหนังเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า บรรดาบริษัทท่องเที่ยวต่างๆ ได้เลิกใช้คำๆ นี้ในโบรชัวร์ และสิ่งพิมพ์ต่างๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวแล้วเช่นกัน.