.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ธนาคารแห่งรัฐเวียดนาม (State Bank of Vietnam) ได้สั่งให้ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งลดดอกเบี้ยอย่างพร้อมหน้า หลังจากสภาพการณ์ต่างๆ ทางเศรษฐกิจดีขึ้นตามลำดับ และถึงเวลาที่แบงก์จะต้องให้ความร่วมมือ เพื่อให้สินเชื่อขยายตัวตามเป้าหมายของรัฐบาล เพื่อสร้างงาน และสร้างการเติบโตเศรษฐกิจ
นายเหวียนวันบี่ง (Nguyen Van Binh) ผู้ว่าการ ธ.แห่งรัฐเวียดนาม เปิดเผยภายหลังการประชุมเรื่องนี้ในวันเสาร์ (7 ก.ค.) ที่ผ่านมา สำนักข่าวออนไลน์หลายแห่งรายงาน
ธนาคารแห่งรัฐได้สั่งการให้ธนาคารพาณิชย์แห่งต่างๆ ลดดอกเบี้ยลงต่ำกว่า 15% สำหรับสินเชื่อค้างชำระ และต่ำกว่า 13% สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ที่รัฐบาลกล่าวว่า จะช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้ได้ตามเป้าหมายที่รัฐได้วางไว้
ไม่ว่าเศรษฐกิจจะขึ้นลงอย่างไรก็ตาม ธนาคารเป็นกิจการเดียวที่ทำกำไรเสมอต้นเสมอปลาย ธนาคารพาณิชย์แห่งต่างๆ จึงตกเป็นเป้าการวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมตลอดมาว่า เอารัดเอาเปรียบ สูบเลือดเนื้อประชาชนคนหาเช้ากินค่ำ และภาคธุรกิจอื่นๆ ที่ทำงานหนักเพื่อความอยู่รอด และร่วมส่วนในการพัฒนาเศรษฐกิจ สำนักข่าวซเวินจี๊รายงาน
แต่ผู้ว่าราชการ SBV กล่าวว่า ปัจจุบันสภาพคล่องในระบบมีอย่างล้นเหลือ และอัตราเงินเฟ้อถูกจำกัดเอาไว้ที่ 2.5% สร้างเงื่อนไขที่ดีสำหรับการลดดอกเบี้ย ทั้งเงินออม และเงินกู้ การลดดอกเบี้ยทั้งระบบจะช่วยขยายสินเชื่อให้ได้ตามเป้าหมายของรัฐ ในการเสริมขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจของชาติ
“ถ้าหากยังใช้มาตรการดอกเบี้ยมหาโหดกับลูกค้าสินเชื่อที่มีปัญหา และไม่สามารถชำระหนี้สินที่คั่งค้างอยู่ได้เช่นในขณะนี้ ธนาคารจะไม่ได้อะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นเงินต้น หรือดอกเบี้ย” นายบี่งกล่าว
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งเวียดนาม เป็นแห่งแรกที่ประกาศลดดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้าสินเชื่อรายเดิมตามนโยบายของ SBV โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า แบงก์พาณิชย์อื่นๆ ยังคงเป็นกังวลเกี่ยวกับหนี้เสีย และจะรอคำแนะนำเพิ่มเติมจากธนาคารกลางเสียก่อน
ผู้บริการธนาคารหลายแห่งในนครโฮจิมินห์กล่าวว่า เป็นไปได้ที่จะลดดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้าสินเชื่อในภาคส่วนที่ควรได้รับการสนับสนุนตามนโยบายของรัฐบาล แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะลดดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้าสินเชื่อทั่วไปทุกราย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง
.
นักวิเคราะห์เชื่อว่า แบงก์แห่งรัฐกำหนดนโยบายนี้ออกมาเพื่อกดดันธนาคารขนาดเล็กซึ่งปล่อยกู้ในอัตรา 20% ต่อปี ในขณะที่รัฐบาลมีนโยบายให้ธนาคารขนาดเล็กที่มีอยู่นับ 10 แห่ง รวมตัวกันโดยขาย หรือควบกิจการ เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขัน และส่งเสริมความเข้มแข็งของระบบธนาคารในประเทศ
สำหรับธนาคารพาณิชย์ทั่วไปนั้น ยังคงเป็นกังวลเกี่ยวกับหนี้เสีย ซึ่งตัวเลขของธนาคารกลาง พบว่า ทั้งระบบเพิ่มขึ้น 4.47% ในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา จาก 4.14% ในเดือนก่อนหน้านั้น เนื่องจากธุรกิจต่างๆ ไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดได้ ในนั้น 84% ของหนี้เสียเกิดขึ้นในแขนงอสังหาริมทรัพย์ และสินเชื่อซื้อที่อยู่อาศัย
จนถึงสิ้นเดือน พ.ค.เช่นกัน ทั้งระบบมีเงินค้ำประกันสินเชื่อรวมกัน 67 ล้านล้านด่ง (3,200 ล้านดอลลาร์) และสื่อของทางการรายงานก่อนหน้านี้ว่า จนถึงสิ้นเดือน เม.ย. เงินสินเชื่อทั้งระบบมีจำนวน 108.6 ล้านล้านด่ง (5,180 ล้านดอลลาร์) นั่นคือช่วงเดือนที่เศรษฐกิจโลกที่ปั่นป่วน ส่งผลกระทบถึงธุรกิจต่างๆ ในเวียดนาม
สื่อหลายสำนักรายงานอ้างคำพูดของผู้ว่าฯ ธนาคารแห่งรัฐก่อนหน้านี้ว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 10% จาก 6% ก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้เจาะจงถึงช่วงเวลา
อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งรัฐเวียดนามยังไม่ได้กำหนดบทลงโทษใดๆ ออกมาในขณะนี้ สำหรับธนาคารพาณิชย์ที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายลดดอกเบี้ยครั้งล่าสุด ซเวินจี๊กล่าว.