xs
xsm
sm
md
lg

ช่างภาพพูลิตเซอร์ยุคสงครามเวียดนามสิ้นไปอีกคน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#000033>ฮอร์สท์ ฟาส (Horst Faas) ช่างชาวเยอรมัน (กลาง) กับนิค อึ๊ต (Nick Ut) ช่างภาพชาวเวียดนามอเมริกัน กับดีงดิ่งเฟื๊อก (Dinh Dinh Phuoc) สหายเก่ากอดคอกันถ่ายรูปในนครโฮจิมินห์ ในภาพวันที่ 28 เม.ย.2548 ซึ่งมีช่างภาพและผู้สื่อข่าวสมัยสงครามไปพบปะกันกว่า 100 คน ในโอกาสครบรอบปีที่ 30 ที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์บุกยึดกรุงไซ่ง่อนในอดีต นายฟาสถึงแก่กรรมวันศุกร์ 11 พ.ค.นี้ ในนครมิวนิค ด้วยวัย 79 ปี. -- AFP PHOTO/Hoang Dinh Nam. </b>

นิวยอร์ก (เอเอฟพี/รอยเตอร์) – นายฮอร์สท์ ฟาส (Horst Faas) อดีตช่างภาพชาวเยอรมัน ในสมัยสงครามเวียดนามที่เคยมีผลงานได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ถึง 2 ครั้ง ได้ถึงแก่กรรมในวันศุกร์ 11 พ.ค.ศกนี้ สำนักข่าวเอพีซึ่งเป็นนายจ้างของเขาตลอด 50 ปีที่ผ่านมากล่าว

นายฟาสซึ่งอายุ 79 ปี ทำข่าวสงครามเวียดนามตั้งแต่ปี 2505 จนถึง 2517 นานกว่าช่างภาพข่าวสงครามทุกคน และภาพข่าวของเขาได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ในปี 2508

ตามบันทึกของสำนักข่าวเอพี นายฟาสกล่าวเมื่อตอนที่ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ครั้งนี้ว่า ภารกิจของเขาคือ “บันทึกความเจ็บปวด กับความเสียสละของทั้งสองฝ่าย ทั้งชาวอเมริกันและชาวเวียดนามใน.. ประเทศที่เปื้อนด้วยคราบเลือดเล็กๆ ที่อยู่หางไกลนี้” สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน

นายฟาสได้รับรางวัลพูลิตเซอร์เป็นครั้งที่ 2 ในปี 2515 จากภาพข่าวความขัดแย้งในบังกลาเทศ คู่กับนายมิเชล ลอรองต์ (Michel Laurent) ด้วยภาพชุด “ความตายในแดกกา” (Death in Dacca) ซึ่งรอยเตอร์กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นภาพเกี่ยวกับการสังหารกับการทรมาน

นายฟาสเคยได้รับบาดเจ็บครั้งหนึ่งในปี 2510 ขณะออกสนามกับทหารอเมริกัน จากการโจมตีด้วยระเบิดอาร์พีจี

ในขณะที่เป็นหัวหน้าสำนักงานภาพข่าวของสำนักข่าวแห่งสหรัฐฯ ในไซ่ง่อน หรือนครโฮจิมินห์ในปัจจุบัน ในเดือนมิถุนายน 2515 ฟาสตัดสินใจทิ้งภาพที่เขาถ่ายเด็กหญิงชาวเวียดนามโดนระเบิดนาปาล์มของฝ่ายสหรัฐฯ บนท้องถนนจนลวกไปทั้งตัว
.
<bR><FONT color=#000033>ภาพ หนูน้อยนาปาล์ม ที่ฮอร์สท์ ฟาส ถ่ายไปแต่ไม่ยอมส่งกลับสหรัฐฯ เพื่อเผยแพร่ แต่ภาพเดียวกันนี้ที่ถ่ายโดยนิค อึ๊ต ช่างภาพเอพีอีกคนหนึ่งได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ในเวลาต่อมา ผู้ร่วมงานของนายฟาสเชื่อว่า ไม่ควรเผยแพร่ภาพนี้เนื่องจากเหยื่ออยู่ในสภาพเปลือย. -- Photo: AP/Nick Ut.</b>
2
<bR><FONT color=#000033>ฮอร์สท์ ฟาส ในภาพที่ไม่ได้ระบุวันถ่าย ขณะออกปฏิบัติงานในเวียดนาม สำนักข่าวเอพีเผยแพร่ภาพนี้ในวันศุกร์ 12 พ.ค.2555 ซึ่งช่างภาพที่กลายเป็นตำนานผู้นี้ถึงแก่กรรม. --  REUTERS/AP Photo/Handout. </b>
3
<bR><FONT color=#000033>ฮอร์สท์ ฟาส กลับไปกรุงฮานอยในปี 2543 เพื่อมอบหนังสือรวมภาพเล่มหนึ่งให้กับสตรีเวียดนามผู้นี้ หนังสือที่ชื่อ Requiem เป็นผลงานของฟาสกับทิม เพจ (Tim Page) ช่างภาพสงครามอีกคนหนึ่ง เพื่อรำลึกถึงช่างภาพข่าว 135 คน ที่เสียชีวิตหรือหายสาบสูญไปในช่วงสงครามอินโดจีน. -- REUTERS/Stringer/Files. </b>
4
ภาพเหตุการณ์ที่ถ่ายโดยหวี่งกงอึ๊ต (Huynh Cong Ut) หรือ “นิค อึ๊ต” (Nick Ut) กลับได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ เพื่อนร่วมงานของฟาสหลายคนเชื่อว่าภาพนั้นไม่ควรจะส่งไป (สหรัฐฯ) เนื่องจากเหยื่ออยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่า

หลายปีต่อมา ในปี 2540 ภาพของนายฟาสยังได้รับรางวัลโรเบิร์ต คาปา (Robert Capa) กระทั่งเกษียณจากงานในปี 2547 และในปีต่อมา ก็ได้รับรางวัลเอริค โซโลมอน (Eriche Solomon)

เกิดวันที่ 28 เม.ย.2476 ในนครเบอร์ลิน เริ่มทำงานชีพนี้ในปี 2494 กับบริษัทคีย์สโตน (Keystone Agency) เข้าทำข่าวถ่ายภาพการเจรจาสันติภาพอินโดจีนในนครเจนีวาในปี 2497 และเข้าทำงานกับสำนักข่าวเอพี สหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 2499

นายฟาสเคยเข้าบันทึกภาพเหตุการณ์สงครามในหลายประเทศ รวมทั้งคองโก แอลจีเรีย เวียดนาม และลาว เป็นหัวหน้าสำนักงานภาพของเอพีประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระหว่างปี 2505-2517 โดยมีสำนักงานในกรุงไซ่ง่อน

ในปี 2548 นายฟาสหกล้มในกรุงฮานอย เป็นอัมพาตครึ่งท่อนตั้งแต่ส่วนเอวลงไป สุขภาพย่ำแย่ลงอย่างมากในปี 2551 และเข้าโรงพยาบาลมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ จนถึงแก่กรรมในนครมิวนิก เอพีกล่าว.
ฝากไว้ให้ชนรุ่นหลัง ผลงานของ "ฮอร์สท์ ฟาส" ส่วนหนึ่ง/AP

5

6

7

8

9
กำลังโหลดความคิดเห็น