ASTVผู้จัดการออนไลน์ - การเมืองในเวียดนามร้อนระอุในช่วงเดือน เม.ย. เมื่อคณะกรรมการแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนาม (Vietnam Fatherland Front) มีมติเอกฉันท์ในสัปดาห์นี้ เสนอให้รัฐสภาถอนถอน ส.ส.หญิงวัย 53 ปี อดีตประธานกลุ่มธุรกิจใหญ่ฐาน “ไม่ซื่อสัตย์” ปิดบังข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสามีคนที่ 2 และถูกกล่าวหา “ติดสินบน” ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งด้วย
คนปว.ได้เสนอให้รัฐสภาถอดถอนนางดั่งถิหว่างงเอี๋ยน (Đặng Thị Hoàng Yến) ส.ส. จังหวัดลองอาน (Long An) ทางตอนใต้ติดกับนครโฮจิมินห์ ฐานปิดบังรายละเอียดส่วนตัวหลายประการ ขณะที่สื่อของทางการระบุ นางเอี๋ยนได้ “ติดสินบน” ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งหลายอำเภอ ซึ่งทำให้ได้รับชัยชนะ
ส.ส.หญิงซึ่งสมัครรับเลือกตั้งนอกพรรคคอมมิวนิสต์ ยังปิดบังฐานะการเป็นสมาชิกพรรค และ ปิดบังข้อมูลเกี่ยวกับสามีชาวเวียดนาม-อเมริกัน ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา และทางการเวียดนามยังคงติดตามตัวไปดำเนินคดีในขณะนี้
.
นางเอี๋ยนลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว ในโควตาของแนวร่วมปิตุภูมิฯ แทนที่จะลงสมัครในโควตาพรรค โดยได้รับความเห็นชอบจากพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ยากกว่า
แนวร่วมปิตุภูมิฯ เปิดประชุมเต็มคณะ ในวันพุธ 18 เม.ย. ผู้เข้าร่วมการประชุมเห็นพ้องกันว่า ด้วยความผิดเพียง 2 ประการ เกี่ยวกับการปิดบังเรื่องเป็นสมาชิกพรรค กับการปิดบังรายละเอียดส่วนตัวที่เป็นโทษ นางเอี๋ยนได้กระทำความผิดอย่างโจ่งแจ้ง และแสดงถึง “ความไม่ซื่อสัตย์” ไม่ได้รับความไว้วางใจจากผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งอีกต่อไปตามกฎหมายเลือกตั้ง จึงสมควรให้รัฐสภาถอนถอนจากการเป็นสมาชิก
การประชุมของ คนปว.ในวันพุธ ยังมีบุคคลระดับนำเข้าร่วมด้วยหลายคน รวมทั้งนางต่องถิฝ๋อง (Tòng Thị Phóng) สมาชิกคณะกรรมการกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นรองประธานรัฐสภาคนที่ 1 กับผู้แทนจากคณะกรรมการกิจการ ส.ส.ของรัฐสภาเวียดนาม และผู้แทนจากคณะกรรมการประจำรัฐสภาด้วย หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋รายงาน
นางเอี๋ยนตกเป็นข่าวฉาวไม่นานหลังการเลือกตั้งปีที่แล้ว สื่อของทางการได้ขุดคุ้ยภูมิหลังและตีพิมพ์เผยแพร่ข่าว ระบุว่า ในเดือน มี.ค.2531 นางเอี๋ยนถูกกระทรวงรักษาความมั่นคงภายในฟ้องฐาน “ขายความลับของรัฐ” ให้ชาวต่างชาติ ช่วยให้นักลงทุนจากต่างประเทศชนะการประกวดราคาโครงการใหญ่เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้า
สื่อเวียดนามกล่าวว่า เมื่อการกระทำผิดถูกค้นพบนางเอี๋ยนได้ “หลบหนี” ไปยังสหรัฐฯ ซึ่งได้พบนายทิมมี เจิ่น (Timmy Tran) สามีชาวอเมริกันเวียดนาม ก่อนทั้งคู่จึงเดินทางกลับเวียดนามในปี 2551 ซึ่งคดีหมดอายุความ และเริ่มก่อร่างสร้างตัว
นางเอี๋ยนเป็นประธานกลุ่มเติ่นเตา ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหญ่ในเวียดนาม เป็นประธานบริษัทเติ่นดึ๊กการลงทุนและอุตสาหกรรม และยังเป็นประธานสภามหาวิทยาลัยเติ่นเตา ใน จ.ลองอาน ในปี 2552 ถูกจัดเป็นสตรีร่ำรวยที่สุดในเวียดนาม โดยสำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรส และอีกครั้งหนึ่งเป็นสตรีร่ำรวยที่สุดอันดับ 2 ในปี 2553 ด้วยสินทรัพย์ส่วนตัว 105 ล้านดอลลาร์ ในตลาดหลักทรัพย์
เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ปีที่แล้ว นางเอี๋ยนไปปราศรัยในงานชุมนุมทหารผ่านศึกจากหลายอำเภอใน จ.ลองอาน ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้ง ก่อนกลับได้มอบซองสีขาวให้ทหารผ่านศึกกว่า 1,300 นาย ซึ่งแต่ละซองบรรจุเงิน 500,000 ด่ง (24 ดอลลาร์) เป็นการ “ขอบคุณต่อการเสียสละเพื่อชาติ” ของคนเหล่านั้น
สื่อในเวียดนามได้ตีพิมพ์ทั้งภาพ และข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้อย่างครึกโครม พร้อมตั้งคำถามว่า เงินในซองนั้นเพื่อ “ขอบคุณ” หรือ “ติดสินบน” กันแน่
อย่างไรก็ตาม ส.ส.หญิงจาก จ.ลองอาน ได้ปฏิเสธการกล่าวหาทั้งสองประเด็นโดยระบุว่า เธอไม่เคยถูกฟ้องร้องคดีอาญาใดๆ โดยทางการ และไม่เคย “หลบหนี” ไปสหรัฐ หากเดินทางไปทำธุรกิจในประเทศนี้ และกลับเวียดนามในปี 2545
ส่วนเงิน 500,000 ด่งนั้น หากผู้ใดกล่าวหาว่าเป็น “สินบน” ก็นับเป็นการดูถูกกลุ่มธรกิจของเธอและผู้ที่ไปใช้สิทธิเลือกเธอเป็น ส.ส. เนื่องจากกลุ่มเติ่นเตาให้การสนับสนุนมูลนิธิเพื่อการกุศลต่างๆ เป็นเงินนับล้านล้านด่งตลอด 17 ปีที่ผ่านมา (100,000 ล้านด่ง = 4.8 ล้านดอลลาร์)
.
.
นางเอี๋ยนระบุในประวัติส่วนตัวที่ยื่นต่อ คนปว. เป็นหลักฐานประกอบการลงสมัครรับเลือกตั้งปีที่แล้ว ระบุว่า สามีคือ นายเหวียนจิหาย (Nguyễn Tri Hải) ถึงแก่กรรมในปี 2532 แต่ไม่ได้ระบุอะไรเกี่ยวกับนายทิมมี เจิ่น สามีคนปัจจุบัน ซึ่งเธอขอฟ้องหย่าต่อศาล จ.ลองอาน หลายครั้งในปี 2553 แต่ศาลสูงไม่อนุญาตทำให้ต้องถอนคำฟ้อง
คณะกรรมการแนวร่วมปิตุภูมิฯ ยังได้พบว่า นายทิมมีสามี วัย 57 ปี ได้เดินทางออกจากเวียดนามไปยังสหรัฐฯ ในวันที่ 5 ก.ค.2553
ในวันที่ 16 ก.ย.ปีเดียวกัน กระทรวงความมั่นคงภายในได้ฟ้องนายทิมมีฐาน “ฉ้อโกง” โดยใช้อำนาจจัดการโยกย้ายทรัพย์สินของบริษัท เมื่อครั้งเป็นผู้อำนวยการบริษัทพัฒนาเขตเมืองเวียดนามซึ่งตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งใน จ.ลองอาน
ยังไม่มีคำตอบจากคณะกรรมการประจำรัฐสภาในขณะนี้ว่า จะสามารถพิจารณากรณีของนางเอี๋ยนทันสมัยประชุมที่จะเริ่มในเดือน พ.ค.ศกนี้หรือไม่ และในการถอดถอน ส.ส.พ้นจากสมาชิกภาพ รัฐสภาจะต้องใช้เสียงสนับสนุนถึง 2 ใน 3 เวียดนามเอ็กซ์เพรสกล่าว.
[ข่าวชิ้นนี้เขียนเรียบเรียงขึ้นใหม่ จากข่าวของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ สำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรสและสำนักข่าวซเวินจี๊ออนไลน์]