เอเอฟพี - จากรถสกูตเตอร์ไปจนถึงรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ยวดยานพาหนะหลายสิบคันเกิดเหตุไฟลุกท่วมในเวียดนามปี 2555 นี้ สร้างความหวาดผวาให้กับบรรดาผู้ขับขี่ยานพาหนะที่กล่าวว่ารัฐบาลล้มเหลวที่จะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้
เจ้าหน้าที่และสื่อของทางการได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมาก เกี่ยวกับปัญหาเครื่องยนต์และการบำรุงรักษาที่ย่ำแย่ หรือแม้แต่หนูแทะสายไฟ จนทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ทำลายรถโดยสารและรถจักรยานยนต์จนเหลือแต่โครงเหล็ก
ความไม่พอใจเพิ่มสูงในหมู่ผู้ขับขี่ ขณะเดียวกัน ก็สงสัยว่าเหตุของปัญหาที่แท้จริงอาจเป็นเพราะคุณภาพของน้ำมันที่ต่ำกว่ามาตรฐาน และหวั่นเกรงว่าพวกเขาจะเสียชีวิตก่อนที่รัฐบาลจะดำเนินการแก้ไข
สถิติที่กระทรวงความมั่นคงสาธารณะเวียดนาม รายงานบนเว็บไซต์ ระบุว่า เหตุไฟลุกไหม้ยานพาหนะเกิดขึ้นกว่า 324 ครั้ง ในปี 2553-2554 และส่วนใหญ่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นที่น่าพอใจ
นับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2555 มีรายงานเหตุไฟลุกไหม้ยานพาหนะในทั่วประเทศแล้ว 65 ครั้ง ตั้งแต่ชายวัย 70 ปี ที่ขี่สกูตเตอร์ ไปจนถึงนักแสดงหญิงมีชื่อเสียงในนครโฮจิมินห์ ที่ขับรถยนต์นิสสัน แม้จะไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงจากเหตุการณ์เหล่านี้ แต่นโยบายการประกันภัยตามมาตรฐานในเวียดนามไม่ได้ครอบคลุมความเสียหายจากเพลิงไหม้ไว้ด้วย
ประชาชนชาวเวียดนามที่เคยต้องกังวลกับเหตุอื้อฉาวเกี่ยวกับการพบสารฟอร์มาลดีไฮด์ในอาหารประจำชาติ อย่าง เฝอ ในปี 2550 กล่าวว่า สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้นั้นชัดเจน แต่รัฐบาลล้มเหลวที่จะแก้ไข
“ปัญหาคือ คุณภาพน้ำมัน ทุกคนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางการก็รู้ แต่พวกเขาไม่สืบสวนแหล่งที่มาของน้ำมันคุณภาพต่ำ และประชาชนก็ต้องตกอยู่ในความหวาดผวา” นายเหวียน กวี เญือง อายุ 52 ปี กล่าว
ผู้ตอบแบบสอบถามประมาณ 85% บนเว็บไซต์เวียดนามเอ็กซ์เพรส ระบุว่า น้ำมันคุณภาพต่ำเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ปริศนา หลายคนระบุว่า สารเคมีราคาถูกถูกผสมลงไปในน้ำมันโดยบรรดาตัวแทนจำหน่ายที่ไร้จรรยาบรรณ
ราคาน้ำมันในประเทศพุ่งสูงขึ้นเกือบ 30% เมื่อปีก่อน แซงหน้าอัตราเงินเฟ้อที่ 18% กลายเป็นแรงจูงใจให้กับผู้ค้าตัดลดค่าเชื้อเพลิงที่สูงลิ่วด้วยสารประกอบราคาถูก เพราะแม้เวียดนามจะอุดมด้วยแหล่งน้ำมันดิบนอกชายฝั่ง แต่จำเป็นต้องนำเข้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เพราะเวียดนามมีโรงกลั่นน้ำมันเพียงแห่งเดียวที่เปิดดำเนินการ
ในปี 2554 เวียดนามนำเข้าน้ำมันรวมมูลค่า 9,900 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ถึง 62% และใน 2 เดือนแรกของปี 2555 นี้ เวียดนามนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแล้ว 1,270 ล้านดอลลาร์ และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเวียดนามขยับเข้าสู่ฐานะการเป็นประเทศรายได้ระดับกลาง และชาวเวียดนาม มีความต้องการซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เพิ่มมากขึ้น
บริษัท 13 รายได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลให้นำเข้ามัน และให้บริการสถานีจ่ายน้ำมันประมาณ 13,000 แห่งทั่วประเทศ ราคาน้ำมันปิดอยู่ที่ 22,900 ด่ง (1.09 ดอลลาร์) ต่อลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากได้รับการอุดหนุน และตัวแทนจำหน่ายมักจะร้องเรียนอยู่เป็นประจำว่าราคาดังกล่าวทำกำไรได้ยาก
ความข้องใจเพิ่มสูงว่า อาจเป็นคนขับรถส่งน้ำมันหรือเจ้าของปั๊มน้ำมันที่ตัดลดน้ำมันเพื่อทำกำไรมากขึ้น ซึ่งหลายคนกล่าวว่าเป็นสาเหตุที่แท้จริงของเหตุเพลิงลุกไหม้
“เราไม่เคยใส่ส่วนผสมอะไรลงไปในน้ำมันนำเข้า” นายเวือง ดิ่ง ยวุ๋ง ซีอีโอ บริษัทมิลิทารี ออยล์แอนด์ก๊าซ คอร์เปอเรชัน กล่าว
“ตัวแทนขายเป็นผู้รับผิดชอบในการรับรองมาตรฐานน้ำมัน” นายยวุ๋ง กล่าวกับสื่อท้องถิ่น หลังจากหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายของบริษัทถูกจับได้ว่าขายน้ำมันปลอมปน โดยตัวอย่างน้ำมันถูกพบว่า มีเมทานอลผสมอยู่มากเกินไป และผู้จำหน่ายรายดังกล่าวถูกปรับเงินจากความผิดนั้น
รัฐบาลดำเนินการตรวจสอบตามปั๊มน้ำมันในที่ต่างๆ แต่ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความพยายามอย่างมาก แต่การปรับเงินเพียงเล็กน้อยไม่น่าจะช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้
“เป็นเรื่องยากที่จะควบคุมคุณภาพน้ำมันในเวียดนาม” นายฮวิงห์ เกวียน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการกลั่นและเทคโนโลยีปิโตรเคมี ที่กำลังสืบสวนเหตุไฟลุกไหม้เครื่องยนต์ กล่าว
“เรากำลังตรวจสอบว่าปัญหาน้ำมันอาจเป็นสาเหตุของไฟลุกไหม้” นายเกวียน กล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่า การวิจัยจะไม่เผยแพร่สู่สาธารณะก่อนการประชุมทางวิทยาศาสตร์ที่มีกำหนดเริ่มในเดือน เม.ย.เนื่องจากเป็นประเด็นอ่อนไหว
รายงานบนเว็บไซต์ของรัฐบาล ระบุว่า นายฮว่าง จุง ฮาย รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า ในเดือนนี้ (เม.ย.) หน่วยงานควบคุมตลาดต้องเพิ่มความสนใจกับการจำหน่ายและการใช้ส่วนผสมในน้ำมัน เพราะคุณภาพของน้ำมันปิโตรเลียมเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการตรวจสอบคุณภาพ
อย่างไรก็ตาม จนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข ผู้ใช้ยวดยานพาหนะเสนอความคิดเห็นอย่างประชดประชันปฏิเสธการคมนาคมทันสมัย เช่น ความคิดเห็นของผู้อ่านรายหนึ่งที่ระบุอยู่ในเว็บไซต์ของเวียดนามเอ็กซ์เพรส ว่า การเดินทางที่ปลอดภัยที่สุดของเวียดนามคือย้อนกลับไปในช่วงที่ใช้ วัว ควาย หรือ ม้า
การตอบสนองของรัฐบาลยังเป็นไปอย่างคลุมเครือ แม้รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ดิ่งห์ ลา ท้าง จะระบุว่า กระทรวงของเขาจะควบคุมดูแลสถานการณ์ในปีนี้ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดของการแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด และจนกว่าจะมีการแก้ปัญหา บรรดาผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะคงต้องสวดภาวนาให้เหตุไฟลุกไม้เกิดขึ้นกับตัวเอง