เอเอฟพี - ผู้ลงสมัครเลือกตั้งจากพรรครัฐบาลพม่าไม่หวั่น แม้ลงสมัครในเขตเลือกตั้งเขตเดียวกันกับนางอองซานซูจี ผู้สมัครจากพรรคฝ่ายค้าน เพื่อชิงเก้าอี้ในสภาในการเลือกตั้งซ่อมที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 เม.ย.นี้
อดีตแพทย์ทหาร ซอ มิน เดินทางจากหมู่บ้านหนึ่งไปยังหมู่บ้านหนึ่งเพื่อให้การรักษาพยาบาลโดยผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ไปพร้อมๆ กับการหาเสียงสนับสนุนให้กับพรรคสหภาพเอกภาพและการพัฒนา (USDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของพม่า
นายแพทย์ ซอ มิน พูดคุยถึงความท้าทายในการร่วมลงเลือกตั้งในเขตเดียวกับนางอองซานซูจี ที่ได้รับการต้อนรับจากผู้คนนับหมื่นในระหว่างเดินทางรณรงค์หาเสียงที่เธอเสนอตัวเลือกตั้งเข้าชิงที่นั่งในสภาเป็นครั้งแรก
“อองซานซูจี ประชาชน และเรา ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ประชาชนเป็นเหมือนพ่อและแม่ของเรา และอองซานซูจี เป็นเหมือนพี่สาวของผม” นายแพทย์ ซอ มิน วัย 49 ปี กล่าวกับผู้สื่อข่าวในระหว่างช่วงพักหาเสียง
“ผมไม่ต้องการที่จะเอาชนะดอว์ซู แต่ผมต้องการทำหน้าที่ที่ประเทศได้มอบหมายมาให้ผมอย่างดีที่สุด ผมไม่พยายามที่จะเอาชนะเธอ ผมแค่ต่อสู้กับตัวเองเท่านั้น” นายแพทย์ ซอ มิน กล่าวถึงนางอองซานซูจีอย่างเคารพ
นายแพทย์ ซอ มิน ออกจากราชการทหารมาแล้ว 6 ปี และเป็นที่รู้จักคุ้นเคยอยู่ในคลินิกการกุศลของพรรค USDP ที่เขาทำงานอยู่
ในชุดยูนิฟอร์มพรรค USDP เสื้อสีขาว ลองยีสีเขียว (คล้ายสะโหร่ง) พร้อมกับเครื่องช่วยฟังการเต้นของหัวใจในมือ นายแพทย์ ซอ มิน ให้บริการตรวจรักษาโรคภายใต้รูปสิงห์ อันเป็นสัญลักษณ์ของพรรค USDP บางครั้งนายแพทย์ซอ มิน จะสวมชุดประจำเผ่ากะเหรี่ยงเพื่อพบผู้ป่วยและผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงจากกลุ่มชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อย
แม้จะแตกต่างกันในขนาดของผู้คนที่รอเข้าแถวต้อนรับ นายแพทย์ ซอ มิน เดินทางทั่วเขตเลือกตั้งกอมู ใกล้นครย่างกุ้ง เพื่อประกาศถึงแนวทางที่มีต่อผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง คือ 1 คะแนนเสียงให้พรรค USDP เป็น 1 เสียงที่จะช่วยสร้างความเจริญก้าวหน้า นำมาซึ่งประชาธิปไตย รักษาอธิปไตยประเทศ และคงไว้ซึ่งความเป็นเอกภาพ
พรรค USDP ที่เต็มไปด้วยอดีตนายทหารระดับสูงได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งปี 2553 แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกกล่าวหาว่ามีการโกงเลือกตั้ง
นอกจากนั้น นางซูจี และพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ยังได้คว่ำบาตรการเลือกตั้ง เนื่องมาจากสาเหตุเกี่ยวกับกฎระเบียบเลือกตั้งที่ระบุให้ขับไล่นักโทษการเมืองออกจากพรรค และนางอองซานซูจีไม่ได้เข้าร่วมการเลือกตั้งในปี 2553 เพราะเธออยู่ในระหว่างการถูกควบคุมตัวภายในบ้านพัก ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวหลังสิ้นสุดการเลือกตั้งเพียงไม่กี่วัน
ขณะที่ผลการเลือกตั้งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง รัฐบาลกึ่งพลเรือนที่ขึ้นบริหารประเทศในปี 2554 ที่ผ่านมา ได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิจารณ์ด้วยการปฏิรูปประเทศในหลายด้าน ทั้งการปล่อยนักโทษการเมืองหลายร้อยคน และการต้อนรับพรรค NLD กลับเข้าสู่การเมืองกระแสหลัก ซึ่งผู้สังเกตการณ์เชื่อว่า รัฐบาลต้องการให้นางอองซานซูจี ได้ที่นั่งในสภาจากการเลือกตั้งคราวนี้ เพื่อให้การปฏิรูปดำเนินไปอย่างถูกต้อง และกระตุ้นให้ชาติตะวันตกผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร
“อองซานซูจี ต้องการรัฐบาล และรัฐบาลก็ต้องการอองซานซูจีเช่นกัน เรื่องมีอยู่แค่นั้น การทำงานร่วมกันกับนางอองซานซูจี เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่อประเทศในการก้าวไปข้างหน้า เพื่อให้พ้นจากการถูกคว่ำบาตร และนำมาซึ่งความปรองดองในประเทศ” นายออง นาย อู นักวิเคราะห์จากสถาบันวาฮูเดเวลล็อปเมนท์ กล่าว
แม้ว่าปัจจุบัน ที่นั่ง 1 ใน 4 จากที่นั่งทั้งหมดในสภาถูกสำรองไว้ให้กับกองทัพ ขณะที่พรรค USDP ครองที่นั่งราว 80% ของจำนวนที่เหลืออยู่ การเข้ามาสู่สภาของนางอองซานซูจี จะเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างมาก และทำให้ฝ่ายค้านมีบทบาทในกระบวนการนิติบัญญัติ
นอกจากนั้น ยังเป็นสัญญาณของช่วงเวลาที่เปิดโอกาสให้ประชาชนกล้าที่จะให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผยตรงข้ามกับพรรครัฐบาล เช่น นายเอ หล่าย เกษตรกรชาวพม่า กล่าวขณะยืนอยู่หน้ารูปของนายพลอองซานภายในบ้านว่าจะสนับสนุนนางอองซานซูจี เนื่องจากเชื่อถือและเชื่อมั่นในตัวนางอองซานซูจี
แต่บางคนยังคงแสดงความสนใจต่อพรรค USDP แม้จะไม่ชัดเจนว่าพวกเขาเห็นพ้องสนับสนุนนโยบายพรรคหรือเป็นเพราะกลัวเจ้าหน้าที่ของทางการ
“อองซานซูจีเพียงแค่มาที่นี่ แต่เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่บ้าง” นายติน ติน อายุ 58 ปี กล่าว
นายแพทย์ ซอ มิน ที่รณรงค์หาเสียง กล่าวอย่างมีความหวังว่าคนไข้ของเขาจะให้การสนับสนุนลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
“ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างมาก ต้องขอบคุณในความพยายามของตัวเอง และพรรคของเราจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้” ซอ มิน กล่าว