xs
xsm
sm
md
lg

ฉาวเวียดนามยูนิเวิร์ส "น้องหมี" นุ่งบิกินีแหกตำนานรักอมตะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#000033>หวูถิหว่างมี (Vũ Thị Hoàng My) น้องหมี มิสเวียดนามยูนิเวิร์ส 2011 เลือกนุ่งบิกินีแทนการเปลือยอก เพื่อสืบตำนานรักข้ามชนเผ่าระหว่าง ลาง กับ เบียง ที่กลายเป็นโศกนาฏกรรม จนได้ชื่อเป็นโรมีโอ-จูเลียต ฉบับเวียดนาม ถึงกระนั้นก็ยังมิวายถูกหาว่า ทำให้ตำนานรักอมตะผิดเพี้ยนไป เธอกล่าวว่า การเลือกบิกินีแบบสวนตำนาน เป็นส่วนที่ตัดสินใจยากสุดๆ ของการถ่ายทำแฟชั่นย้อนยุคชุดนี้. -- ภาพ: เหงื่อยเดือติน (Người Đưa Tin). </b>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- สัปดาห์นี้ผู้อ่านจำนวนมากได้แสดงความคิดเห็นต่อภาพแฟชั่นชุดล่าสุดของหวูถิหว่างมี (Vũ Thị Hoàng My) นางแบบคนสวย หลายคนกล่าวหาว่า ชุดที่เธอสวมใส่ ได้ทำให้ตำนานรักแบบโรมีโอและจูเลียต อันเลื่องลือของชนชาติส่วนน้อยในเขตที่ราบสูงภาคกลางผิดเพี้ยนไป

บ้างก็บอกว่าบิกินีของ "น้องหมี" และเสื้อผ้าที่เธอใส่ล้วนดูล่อแหลม และตัดเย็บด้วยเส้นใยสแปนเด็กซ์ซึ่งเป็นวัสดุในยุคใหม่ ไม่สอดคล้องกับตำนานดั้งเดิมที่อาภรณ์ของหญิงสาวชาวพื้นเมืองล้วนตัดเย็บจากผ้าทอ ทำให้ตำนานรักอันบริสุทธิ์ผุดผ่องของชนเผ่าจิล (Chil) มัวหมอง และ หญิงสาวในตำนานก็ไม่ได้นุ่งบิกินี อีกด้วย

เรื่องของเรื่องก็คือ ไม่ว่าจะในยุคไหนๆ การแต่งงานระหว่างคนสองกลุ่มที่เป็นศัตรูกันนั้น ได้เป็นสิ่งต้องห้ามเสมอมา

ต่างไปจาก "โรมีโอและจูเลียต" อันเป็นตำนานรักอมตะของหนุ่มสาวชาวเมืองศิวิไลซ์ โดยนักประพันธ์เอกวิลเลียมส์ เช็คสเปียร์ส แต่ “ตำนานรักลาง-เบียง" เกิดเขตในป่าเขาลำนาไพรไกลปืนเที่่ยง และ ภาพชุดที่เผยแพร่สัปดาห์ที่แล้วก็เป็นการเติมแต่งให้น้องหมีย้อนยุคกลับไปเป็น "ฮอเบียง" (Ho Biang) สาวชาวจิล คู่กับนายแบบร่างบึกบึนคนหนึ่ง ซึ่งเป็น "ลาง" (K' Lang) แห่งชนเผ่าลัค (Lach)

ในเขตที่ราบสูงภาคกลางเวียดนามมีชนพื้นเมืองหลากหลายชนเผ่าอาศัยอยู่มาจนกระทั่งทุกวันนี้ คนเหล่านี้ต่างมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการลุกขึ้นร่วมกับขบวนการเวียดมินห์ ต่อสู้กับเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส เช่นเดียวกับในช่วงสงครามสหรัฐฯ

แต่ต่างไปจากปัจจุบัน ในยุคหนึ่งความรักต่างชนเผ่าเป็นสิ่งต้องห้าม ซึ่งได้ทำให้ลางกับเบียงจูงมือกันแหวกม่านประเพณีหลบลี้หนีหน้าผู้คนในสังคมไปครองรักกันในป่าใหญ่ ดำรงชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก ก่อนจะลงเอยเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อทั้งสองตัดสินใจร่วมกันดื่มยาพิษฆ่าตัวตายเพื่อทำให้ความรักเป็นอมตะ

"โรมีโอ-จูเลียต" ฉบับเวียดนาม เหงื่อยเดือติน (Người Đưa Tin)
<bR><FONT color=#000033>อนุสรณ์สถานลาง-เบียง ใน จ.เลิมโด่ง (Lâm Đồng) สร้างขึ้นเพื่อเป็นพยานรักอมตะให้แก่คนทั้งสอง และ ชื่อนี้ได้กลายเป็นชื่อภูเขาที่มีทัศนียภาพสวยงามที่สุดลูกหนึ่งของจังหวัดนี้ ให้ชนรุ่นหลังได้รำลึกถึงรักต้องห้าม ในตำนานของเขตที่ราบสูงภาคกลาง. --ภาพ: Dan Tri Online.  </b>
ตำนานว่าเอาไว้ .. ร่างไร้วิญญาณของลางกับเบียนถูกฝังเอาไว้บนยอดเขาสองลูก และเมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนานปีขุนเขาได้เคลื่อนตัวเชื่อมเข้าเป็นเทือกเดียวกันเพื่อเป็นพยานรักให้กับคนทั้งสอง

ภูเขาลูกนั้นได้ชื่อว่า "ลางเบียง" มาจนกระทั่งทุกวันนี้ ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งในเขตเมืองด่าลัต (Đà Lạt) จ.เลิมโด่ง (Lâm Đồng) ซึ่งมีอนุสรณ์สถานของคนทั้งสองอยู่ที่นั่น

น้องหมีกำลังเล่นกับตำนานรักอันเป็นอมตะที่อยู่กับภาคกลางเวียดนามมาชั่วนิรันดรกาล การแต่งบิกินีเล่นบท "เบียง" สาวชาวป่าจึงไม่ธรรมดา

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่กลายเป็นความฉาวโฉ่ หว่างมีได้ออกให้สัมภาษณ์ปกป้องการตัดสินใจของเธอกับทีมงาน และสื่อออนไลน์หลายแห่งได้เผยแพร่การโต้ตอบของเธอในสัปดาห์นี้

ด้วยตำแหน่งรองอันดับ 2 มิสเวียดนาม 2553 น้องหมีกล่าวว่าเธอกับทีมงานได้ศึกษาตำนานรักลาง-เบียง อย่างถี่ถ้วน และขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมประเพณีของทั้งของสองชนเผ่าก้องอยู่ในจิตสำนึก




ประการแรกเธอยืนยันว่า อาภรณ์ที่เธอสวมใส่ไม่มีชิ้นไหนที่ตัดเย็บด้วยเส้นใยยุคใหม่ ไม่มีพวกยางยืดอีลาสติกเป็นส่วนประกอบสักชิ้น แม้กระทั่งบิกินีตัวน้อยก็ตัดเย็บจากผ้าทอพื้นเมืองของชนเผ่านี้ ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากลวดลาย และเหตุที่มีผ้าขนสัตว์รวมอยู่ด้วย ก็เพื่อสะท้อนเหตุการณ์คราวที่เบียงมอบให้กับคนรัก อันเป็นประเพณีของชนเผ่า

แล้วทำไมจึงต้องนุ่งบิกินี เพราะว่าในยุคโบราณยังไม่มีใครรู้จักบิกินี? สาวสวยที่มีตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สเวียดนาม 2554 ไปร่วมการประกวดในประเทศบราซิลปลายปีที่แล้วเป็นการันตี บอกว่าในตำนานนั้น "เบียง" แต่งกายชุดประเพณีนิยมนุ่งยาวและเปลือยท่อนบน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับตัวเธอเองและทีมงานถ่ายทำ

"หนูกับทีมงานรู้ดีว่าตรงนี้ผิดไปจากเรื่องเดิม แต่จะให้หนูเปลือยอกหรือคะ หนูไม่คิดว่าทำเช่นนั้นจะเป็นที่ยอมรับ และเพื่อแก้ปัญหานี้ หนูกับทีมงานจึงเห็นร่วมกันว่านุ่งกิบินีย่อมจะดูเหมาะกว่าเปลือยอก"

ผู้อ่านจำนวนไม่น้อยได้แสดงความเห็นใจนางแบบสาว หลายคนทราบดีว่า แฟชั่นชุด "ลาง-เบียน" นี้เป็นภาคขยายต่อจากแฟชั่นชุดชาวเขาที่ออกมาในช่วงเทศกาลตรุษ แสดงให้เห็นการเฉลิมฉลองเทศกาลขึ้นปีใหม่ประเพณี รวมทั้งการทำแบ๋งจึง (Bánh Chưng) ขนมเทศกาล ของชนเผ่าต่างๆ ด้วย

แต่การวิพากษ์วิจารณ์น้องหมีก็ยังดำเนินต่อไป.
กำลังโหลดความคิดเห็น