เมียนมาร์ไทม์ส - เจ้าหน้าที่พม่าเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์เมียนมาร์ไทม์ส ว่า งานประมูลอัญมณีช่วงกลางปีของพม่าที่สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา สามารถทำรายได้จากการประมูลรวมทั้งสิ้นกว่า 700 ล้านยูโร หรือ 903 ล้านดอลลาร์ แต่จำนวนดังกล่าวยังน้อยกว่าการเปิดประมูลในเดือน ธ.ค.2553 ที่ทำรายได้ไปทั้งสิ้น 2,900 ล้านดอลลาร์
“อัญมณีที่แพงที่สุดที่นำมาประมูลนั้นส่วนใหญ่ถูกผู้ค้าอัญมณีจากจีนประมูลได้ ส่วนผู้ค้าท้องถิ่นซื้อไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” เจ้าหน้าที่คนเดิม กล่าว
หยกเกือบ 12,000 ล็อต ถูกจัดวางแสดงไว้ภายในงานประมูลนาน 11 วัน ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค.รวมทั้งอัญมณี 230 ล็อต และมุกอีก 270 ล็อต
งานแสดงและประมูลอัญมณีครั้งนี้สามารถดึงดูดชาวต่างชาติให้มาเข้าร่วมงานได้ 1,600 คน และผู้ค้าชาวพม่าอีก 3,700 คน สามารถขายหยกได้เกือบ 8,300 ล็อต อัญมณีขายได้ 39 ล็อต และมุกอีก 212 ล็อต
“ราคาที่สูงที่สุดที่บันทึกไว้ในงานประมูลเป็นหยกล็อตเดียวมูลค่า 9.3 ล้านดอลลาร์ และเราสามารถขายหยก 55 ล็อต ได้ในมูลค่ามากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ต่อล็อต” เจ้าหน้าที่จากบริษัทที่จัดการประมูลอัญมณี กล่าว
ทางด้านผู้ค้าอัญมณี กล่าวว่า สาเหตุที่ยอดขายทั้งหมดลดลงเนื่องจากการรัฐบาลจีนปรับเพิ่มภาษีหยกและอัญมณีที่ซื้อจากพม่า รวมทั้งอัตราเงินฝากขั้นต่ำที่ปรับสูงขึ้น โดยในเดือนต.ค. 2554 รัฐบาลจีนปรับเพิ่มภาษีอัญมณีและหยกที่ซื้อจากพม่า เป็น 35% จากเดิม 10% และรัฐบาลกำหนดเงินฝากขั้นต่ำที่ 50,000 ยูโรต่อการประมูลทุกรายการ แทนระบบเก่าที่หากประมูลสินค้าในราคาที่ต่ำกว่า 1 ล้านยูโร ต้องการเงินฝากเพียงแค่ 10,000 ยูโรเท่านั้น
ผู้ค้าอัญมณีจากเมืองหวี่ (Muse) ในรัฐชาน ที่ซื้อหยกมูลค่า 1 ล้านยูโร กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวช่วยกันบรรดาผู้ประมูลที่ไม่จ่ายเงินตามข้อตกลง
“ผมคิดว่า รัฐบาลปรับเพิ่มอัตราเงินฝากขั้นต่ำเพราะในการประมูลครั้งก่อนนี้ ผู้ค้าอัญมณีบางรายซื้อหยกและอัญมณีในราคาสูงแต่ไม่ทำตามข้อตกลงในภายหลัง ผมคิดว่าพวกเขาแค่ประมูลเพื่อเก็งกำไร แต่ก็เป็นโอกาสให้ผู้ค้าในท้องถิ่นได้สินค้าที่ดีในการประมูลครั้งนี้” ผู้ค้าอัญมณีจากเมืองหวี่ กล่าว