xs
xsm
sm
md
lg

เวียดนามประดิษฐ์ “สีล่องหน” ทาเครื่องบินรบหลบเรดาร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#000033>ช่างประจำเครื่องเตรียมความพร้อมของเครื่องบินทิ้งระเบิดบี-2 สปิริต ที่ฐานทัพอากาศแอนเดอร์สัน เกาะกวม ในมหาสมุทรแปซิฟิกก่อนขึ้นบินปฏิบัติภารกิจในยามเช้า กองทัพอากาศสหรัฐนำเครื่องทิ้งระเบิดบินยุทธศาสตร์ล่องหนประจำการที่นี่มาตั้งแต่เดือน ก.พ.2547 หนังสือพิมพ์กองทัพประชาชนเวียดนามรายงานยืนยันว่านักวิทยาศาสตร์ของตนสามารถประดิษฐ์ สีล่องหน แบบเดียวกับที่ใช้ในเครื่องบิน B-2 ได้สำเร็จ.-- USAF Photo/Master Sgt Val Gempis.</b>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- นักวิทยาศาสตร์ในเวียดนามประดิษฐ์สีทาเครื่องบินเพื่อช่วยหลบเลี่ยงเรดาร์ได้เป็นผลสำเร็จ แบบเดียวกับที่นักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯค้นคิด และใช้ทาเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ บี-2 (B-2) หนังสือพิมพ์กวานโด่ยเญินซเวิน (Quân Đội Nhân Dân) หรือ “กองทัพประชาชน” รายงานยืนยันเรื่องนี้ โดยมิได้ให้รายละเอียดใดๆ เช่นเคย

“สีล่องหน” ของนักวิทยาศาสตร์เวียดนาม ตกเป็นข่าวตามเว็บไซต์ภาษาเวียดนามหลายแห่งปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ

หนังสือพิมพ์ที่เป็นปากเสียงของกองทัพ กล่าวว่า การประดิษฐ์สีพิเศษนี้ เป็นผลงานของนักวิทยาศาสตร์แห่งสถาบันวัสดุและเคมี ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการทหาร สีมีคุณสมบัติช่วย “ซึมซับ” คลื่นเรดาร์ของข้าศึกมิให้ตรวจจับอากาศยานของฝ่ายตนได้ และไม่ตกเป็นเป้าหมายการโจมตี

สีที่เรียกชื่อว่า PD/RAP-MEH นี้ ประกอบด้วย สารดูดซับคลื่นเรดาร์อีกชั้น (Class) หนึ่งที่ใช้ในเทคโนโลยีล่องหน (Stealth) เพื่ออำพรางยานพาหนะ อากาศยาน อาวุธ หรือกระทั่งสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ให้รอดพ้นจากการตรวจจับของเรดาร์ได้ ซึ่งได้ทำการทดลองอย่างได้ผลมาแล้ว

กองทัพของหลายประเทศกำลังทำการวิจัยเพื่อผลิตสีล่องหนออกมาใช้งานเช่นกัน “กองทัพประชาชน” ที่ตีพิมพ์เผยแพร่โดยกระทรวงกลาโหมเวียดนาม กล่าว

สารประกอบ PD/RAP-MEH เป็นสีดำ ประกอบด้วย สารสังเคราะห์ผ่านกระบวนการแม่เหล็กโดยใช้โพลีพีร์โรล (Polypyrrole) กับ แบเรียมเฟอร์ไรต์ (Barium Ferrite) เป็นพื้นฐาน เนื้อมีความยืดหยุ่นสูงติดทนนาน หากทาหนา 2 มิลลิเมตร จะสามารถดูดซับคลื่นเรดาร์ช่วงความถี่ตั้งแต่ 8-12 กิกะเฮิรตซ์ได้ถึง 94%

วัสดุและส่วนประกอบทั้งหมดของสีล่องหน สามารถหาได้ในเวียดนามและกระบวนการผลิตไม่สลับซับซ้อน กวนโด่ยเญินซเวิน รายงานโดยไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะนำสีดังกล่าวเข้าใช้งานในกองทัพหรือไม่ และอย่างไรบ้าง
<bR><FONT color=#000033>เครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์บี-2 Spirit of Indiana ขณะขึ้นบิน ในภาพที่ไม่ได้ระบุวันและสถานที่ถ่าย หนังสือพิมพ์กวนโด่ยเญินซเวินในเวียดนามรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ของกองทัพประดิษฐ์สีชนิดพิเศษได้สำเร็จ ใช้ทาอากาศยาน เรือและยานพาหนะต่างๆ ทำให้หลบเลี่ยงเรดาร์ได้ เป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับสีที่สหรัฐใช้ทาเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ B-2 ซึ่งออกแบบมาในช่วงสงครามเย็น เพื่อให้ล่วงล้ำเข้าไปในน่านฟ้าของอดีตสหภาพโซเวียตที่ป้องกันอย่างแน่นหนาได้โดยไม่ตกเป็นเป้าโจมตี. -- Wikipedia   </b>
2
<bR><FONT color=#000033>เครื่อบิน B-2 Spirit Spirit of Indiana ปฏิบัติการทิ้งระเบิด Mk.82 สมาร์ทบอมบ์ ลงในมหาสมุทรแปซิฟิก ระหว่างการซ้อมด้วยอาวุธจริงที่บริเวณพอยท์มิวกู รัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี 2537 หนังสือพิมพ์ของกองทัพประชาชนเวียดนามกล่าวว่ากองทัพสามารถประดิษฐ์สีที่สามารถทำให้อากาศยาน เรือและยานพาหนะทั่วไปสามารถ ล่องหน หลบเลี่ยงเรดาร์ได้ แบบเดียวกับสีที่ใช้ทาเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์รุ่นนี้. -- Wikipeadia/USAF.</b>
3

บริษัท นอร์ธร็อพกรัมแมน และบริษัท โบอิ้ง แห่งสหรัฐ ออกแบบเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ บี-2 “สปิริตออฟอินเดียนา” เพื่อให้ล่วงล้ำเข้าไปในน่านฟ้าของอดีตสหภาพโซเวียต ที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาได้ โดยรอดพ้นจากการตรวจจับ รัฐบาลอดีตประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน ตั้งใจจะนำเข้าประจำการในกองทัพอากาศถึง 132 ลำ แต่เมื่อความตึงเครียดในยุคสงครามเย็นค่อยๆ ลดลง ก็หมดความจำเป็นและผลิตออกมาใช้งานเพียง 21 ลำ

ปัจจุบันกองทัพสหรัฐฯยังเหลือเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่รุ่นนี้อยู่เพียง 20 ลำ เนื่องจากหนึ่งลำประสบอุบัติเหตุตกลงเสียหายยับเยินในปี 2551 หลังบินขึ้นเพียงไม่นาน แต่นักบินกับลูกเรือดีดตัวเองออกได้โดยปลอดภัย

บี-2 ถูกออกแบบให้เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ แต่ก็สามารถทิ้งระเบิดประเภท “สมาร์ทบอมบ์” หรือระเบิดที่นำวิถีด้วยจีพีเอสได้เช่นกัน และเคยนำออกใช้งานในเซอร์เบียในช่วงสงครามแคว้นโคโซโวปี 2552 จากนั้นนำออกปฏิบัติการในอิรักและอัฟกานิสถาน รวมทั้งสนับสนุนการลุกฮือของฝ่ายต่อต้านประธานาธิบดี มูอัมมาร์ กัดดาฟี ในลิเบีย เมื่อเร็วๆ นี้

สำหรับเวียดนามไม่เคยปรากฏมีเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ แต่มีเครื่องบินขับไล่โจมตีตระกูลมิก (Mikoyan) กับ ซู (Sukhoi) ที่ผลิตในอดีตสหภาพโซเวียต รวมทั้ง SU-30MK2V ที่ผลิตในรัสเซียซึ่งปัจจุบันมี่ประจำการจำนวน 4 ลำ และกำลังจะได้รับอีก 20 ลำ ตามกำหนดในเดือนนี้

อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังมีเรือฟรีเกตชั้นเกพาร์ดชั้น 3.9 ที่ติดระบบอาวุธป้องกัน และโจมตีที่ทันสมัยจำนวน 2 ลำ ซึ่งออกแบบเป็นรูปทรงหลบเลี่ยงเรดาร์โดยใช้เทคโนโลยีสเตลธ์ นอกจากนั้นยังมีเรือเร็วโจมตีขนาดเล็ก ติดจรวดนำวิถีทันสมัยอีกจำนวนมาก
.
<bR><FONT color=#000033>นายทหารกองทัพเรือเวียดนามถ่ายภาพกับเรือดิงเตียนหว่าง (Đinh Tiên Hoàng) เดือน มี.ค.2554 นี่คือเรือฟรีเกตติดจรวดนำวิถีและอาวุธทั้งป้องกันและโจมตีที่ทันสมัยอีกหลายระบบ เรือรบชั้นเกพาร์ด ยุค 3.9 (Gapard 3.9) ที่ผลิตในรัสเซีย เป็นเขี้ยวเล็บสำคัญที่ประจำการในกองทัพเรือรัสเซียมาตั้งแต่ยุคสงครามเย็น ปัจจุบันพัฒนาออกแบบรูปทรงให้ช่วยหลบเลี่ยงเรดาร์ได้ ขณะที่กองทัพเวียดนามยืนยันข่าวที่ว่านักวิทยาศาสตร์สามารถประดิษบ์สีพิเศษที่ทาเพื่อ ล่องหน ได้สำเร็จ.--- ภาพ: VietnamExpress. </b>
4
<bR><FONT color=#000033>ภาพถ่ายเดือน พ.ค.2554 เรือฟรีเกตชั่นเกพาร์ด (ยุค 3.9) ลำที่ 2 ส่งมอบกันหมาดๆ ยังไม่ได้ทาสี จอดที่ฐานทัพเรืออ่าวกามแรง (Cam Ranh) ซึ่งต่อมาได้ชื่อ หลีถายโต๋ (Lý Thái Tổ) จักรพรรดิ์ต้นราชวงศ์หลีผู้ทรงประกาศเอกราชจากอาณาจักรฮั่นทางตอนเหนือ ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับขุนพลดีงเตียนหว่าง (Đinh Tiên Hoàng) กองทัพเรือเวียดนามนำทั้ง 2 ชื่อนี้ไปตั้งชื่อเรือฟรีเกตชั้นเกพาร์ด 3.9 ที่ออกแบบรูปทรงหลบเลี่ยงเรดาร์ทั้งสองลำ . -- ภาพ: เว็บไซต์ข่าวกลาโหม.</b>
5
<bR><FONT color=#000033>เครื่องบินขับไล่โจมตี SU-30MK2V หนึ่งในสี่ลำของกองทัพอากาศเวียดนามขณะขึ้นบินฝึกซ้อม ตามกำหนดการนั้นเวียดนามจะได้รับอีก 20 ลำในเดือนนี้ แต่ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ อีก ขณะที่หนังสือพิมพ์ของกองทัพได้ยืนยันการประดิษฐ์ สีล่องหน ได้สำเร็จ ซึ่งจะช่วยให้อากาศยาน เรือและยานพาหนะทั่วไปสามารถหลบเลี่ยงเรดาร์ได้ แต่เครื่องบินรบที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เทคโนโลยี่ สเตลธ์ จะได้รับประโยชน์จากสีพิเศษนี้หรือไม่ยังเป็นที่น่าสงสัย. -- ภาพ: AsiaDefence. </b>
6
กำลังโหลดความคิดเห็น