ซินหัว - โรงงานประกอบมอเตอร์ที่ลงทุนโดยญี่ปุ่นได้เริ่มดำเนินการผลิตแล้ววานนี้ (17 ธ.ค.) เพิ่มความหวังที่จะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับสูงในประเทศที่ยากจนแห่งนี้
“กัมพูชาได้ก้าวมาสู่การดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในภาคส่วนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับสูง หลังจากในอดีตที่ผ่านมา เคยดึงดูดการลงทุนในส่วนของภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอมาแล้ว” นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ของกัมพูชา กล่าวในระหว่างพิธีเปิดโรงงานประกอบมอเตอร์ขนาดเล็ก (มินีแบกัมพูชา) ในเขตเศรษฐกิจพิเศษกรุงพนมเปญ
“โรงงานแห่งนี้เป็นภาพสะท้อนของนักลงทุนชาวญี่ปุ่นในกัมพูชาและยังช่วยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาพัฒนาประเทศด้วย” นายกฯฮุนเซน กล่าว
นายคิโนมะ โยชิฮิสะ ประธานและซีอีโอของบริษัท มินีแบ (Minebea) กรุงโตเกียว ที่เป็นบริษัทผู้ลงทุนในกัมพูชา กล่าวว่า โรงงานแห่งนี้จะประกอบมอเตอร์และตัวขับเคลื่อน สำหรับอุปกรณ์อัตโนมัติในสำนักงาน เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน และอุปกรณ์ดิจิตอล โดยใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตมาจากโรงงานของบริษัทในไทย และเมื่อผลิตภัณฑ์ประกอบเสร็จสมบูรณ์จะถูกส่งกลับไปยังไทยอีกครั้ง
“โรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานประกอบมอเตอร์ขนาดเล็กที่มีความซับซ้อนแห่งแรกของกัมพูชา ที่จะช่วยสร้างงานให้กับประชาชนได้อีกหลายพันตำแหน่ง รวมทั้งมีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของกัมพูชาด้วย” นายโยชิฮิสะ กล่าว
นายแก็บ จุกเตมา ผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ กล่าวว่า โรงงานเริ่มก่อสร้างในเดือนเม.ย. 2554 บนเนื้อที่ขนาด 100,000 ตารางเมตร ในบริเวณเขตอุตสาหกรรมพิเศษกรุงพนมเปญ และในการก่อสร้างระยะที่สอง บริษัทจะสร้างโรงงานเพิ่มอีก 1 แห่ง บนพื้นที่เดียวกันเพื่อใช้เป็นฐานประกอบมอเตอร์ขนาดกลาง โดยมูลค่าลงทุนรวมของโครงการอยู่ที่ 60 ล้านดอลลาร์
รายงานของคณะกรรมการเพื่อการลงทุนแห่งกัมพูชาระบุว่า ญี่ปุ่นเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ลำดับที่ 11 ของกัมพูชา ด้วยจำนวนมูลค่าการลงทุนรวมทั้งหมด 257 ล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ปี 2537 จนถึงต.ค. 2554 และโครงการลงทุนของญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะอยู่ในส่วนของอุตสาหกรรมการผลิต
บริษัท มินีแบ ก่อตั้งเมื่อปี 2494 มีโรงงานประกอบเครื่องยนต์ทั้งหมด 32 แห่งใน 11 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น ไทย จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย สหรัฐฯ เยอรมนี สโลวาเกีย เช็ก และ กัมพูชา