ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ในขณะที่กำลังเร่งเยียวยาเหยื่ออุทกภัยหลายแสนคนในประเทศ ลาวได้บริจาคน้ำดื่มจำนวน 8,000 แพ็ก ส่งมาช่วยเหยื่อน้ำท่วมในประเทศไทย รัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าวฯ ของลาว ซึ่งเป็นประธานสมาคมลาวไทยเพื่อมิตรภาพ กล่าวว่า ถึงแม้จะเป็นความช่วยเหลือจำนวนน้อยนิด แต่ก็เป็นเสมือนน้ำอันใสบริสุทธิ์ที่หลั่งรินจากใจของชาวลาว ส่งมาช่วยพี่น้องชาวไทย
พิธีมอบน้ำดื่มจัดขึ้นวันที่ 28 ต.ค.2554 ที่บริษัท เบียร์ลาว จำกัด โดย ศ.ดร.บ่อแสงคำ วงดาลา เป็นผู้มอบ และ นายวิทวัส ศรีวิหค เอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นผู้รับ หนังสือพิมพ์ประชาชนรายวันของศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาวรายงาน
น้ำดื่มตราหัวเสือทั้ง 8,000 แพ็ก (แพ็กละ 2 โหล/ขวดละ 600 ซีซี)) มีมูลค่าประมาณ 1,300,000 บาท สนับสนุนโดยบริษัท เบียร์ลาว และกลุ่มบริษัท ดาวเฮือง จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของกาแฟยี่ห้อ “ดาว” (Dao) กับธุรกิจนำเข้าส่งออก รวมทั้งร้านค้าปลอดอากรที่ด่านชายแดนสะพานมิตรภาพเวียงจันทน์-หนองคาย ธุรกิจก่อสร้างกับอีกหลายกิจการ
“ในนามประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงพวกข้าพเจ้าได้เอาใจใส่ติดตามสภาวะน้ำท่วมในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด และเห็นว่า เป็นภัยธรรมชาติครั้งร้ายแรงซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ข้าพเจ้าขอเป็นตัวแทนให้กับรัฐบาลและประชาชนลาว ส่งแรงใจมายังรัฐบาลและประชาชนไทยที่กำลังประสบภัยพิบัติในครั้งนี้ และเห็นว่า ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันของรัฐบาลและประชาชน ประชาชนชาวไทยจะพร้อมกันอดทนผ่านฝ่าฝันร้ายนี้ไปได้” รัฐมนตรีของลาว กล่าว
ศ.ดร.บ่อแสงคำ ยังบอกกับเอกอัครราชทูตไทย ด้วยว่า ความช่วยเหลือในชั้นต้นนี้เกิดจากการประสานงานเร่งด่วนระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ สมาคมลาวไทยเพื่อมิตรภาพกับคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ศูนย์กลางพรรค จึงรวบรวมน้ำดื่มตราหัวเสือจำนวนนี้ได้ เพื่อส่งไปช่วยพี่น้องชาวไทยที่กำลังเผชิญหน้ากับการขาดแคลนในขณะนี้
“ถึงแม้จะเป็นจำนวนน้อย แต่มันเป็นน้ำดื่มบริสุทธิ์ที่ไหลมาจากหมดจิตหมดใจของพี่น้องชาวลาว” หนังสือพิมพ์ของทางการอ้างคำพูด ดร.บ่อแสงคำ ที่บอกกับเอกอัครราชทูตไทย
สำนักข่าวสารปะเทดลาว รายงานในขณะเดียวกัน ว่า ภาคเอกชนตลอดจนหน่วยงานต่างๆ ของลาวก็กำลังรวบรวมความช่วยเหลืออีกจำนวนหนึ่งเพื่อส่งไปช่วยผู้ประสบอุทกภัยในประเทศไทยครั้งนี้เช่นเดียวกัน
ลาวเผชิญกับภัยธรรมชาติครั้งร้ายแรงก่อนใครๆ ในอนุภูมิภาคนี้ พายุจากทะเลจีนใต้ 2-3 ลูกในเดือน มิ.ย.-ก.ค.ได้ทำให้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันนานนับสัปดาห์ ลำน้ำสาขาต่างๆ เอ่อล้นขึ้นท่วมเทือกไร่นาสวนตั้งแต่แขวงเซียงขวาง บอลิคำไซ แขวงเวียงจันทน์ ไซยะบูลี แขวงหลวงพระบาง กับเขตรอบนอกของนครเวียงจันทน์
บ้านเรือนราษฎรนับหมื่นหลังคาจมน้ำ นาข้าวในฤดูดเก็บเกี่ยวนับหมื่นๆ ไร่เสียหาย ไซยะบูลีกับแขวงเวียงจันทน์หนักหน่วงที่สุด มีผู้ประสบภัยโดยตรงกว่า 4 แสนคน สะพานนับสิบๆ แห่งถูกทำลาย ทางหลวงและถนนระหว่างเมือง กับแขวงถูกตัดขาดเป็นเวลานาน รัฐบาลกับภาคเอกชนยังคงเยี่ยวยาความเสียหายมาจนบัดนี้
.