ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- เวียดนามกำลังเผชิญปัญหาความไม่สมดุลระหว่างประชากรเพศชายกับเพศหญิงอย่างรุนแรง คาดว่า ภายใน 10 ปีข้างหน้า จะมีประชากรชายมากกว่าหญิงอยู่ระหว่าง 2.3-4.3 ล้านคน ซึ่งหมายความว่า หนุ่มๆ นับล้านคนจะไม่มีคู่ครองและต้องอยู่อย่างเดียวดาย
แต่ทุกอย่างจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น ปัญหาทางสังคมอื่นๆ กำลังจะตามมา รวมทั้งปัญหาอาชญากรรม การค้าประเวณี การค้ามนุษย์ และความรุนแรงทางเพศ ผู้เชี่ยวชาญกล่าว
เวียดนามทราบปัญหานี้มาเป็นเวลาหลายปี แต่กองทุนเพื่อประชากรของสหประชาชาติ (UNFPA) กล่าวเตือนอีกครั้งหนึ่งระหว่างการประชุมสัมมนาระหว่างประเทศ ที่ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-6 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมี 11 ประเทศเข้าร่วม รวมทั้งจีน อินเดีย แอลเบเนีย อาเซอร์ไบจาน ปากีสถาน และ บังกลาเทศ ด้วย
เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่าในเวียดนามยังมีการเลือกเพศทารกกันอยู่ ตามความเชื่อที่มาแต่โบราณที่ทุกครอบครัวต้องการลูกชายเพื่อเป็นผู้นำรุ่นต่อไป เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้สามารถรู้เพศทารกล่วงหน้าได้ ซึ่งมักจะนำไปสู่การลักลอบทำแท้ง ถ้าหากพบว่าทารกในครรภ์เป็นเพศหญิง
ปัญหาแบบเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นในเกาหลีใต้ จีน กับอีกบางประเทศในช่วงทศวรรษที่ 1990 ปัจจุบันยังเกิดในหลายประเทศเอเชียเช่นเดียวกัน
นพ.เหวียนวันเติ่น (Nguyen Van Tan) รองอธิบดีกรมประชากรและการวางแผนครอบครัว กล่าวว่าในเวียดนามปัญหานี้เกิดทีหลังหลายประเทศ แต่สัดส่วนความแตกต่างระหว่างทารกเพศชายกับเพศหญิงสูงขึ้นรวดเร็วมาก
ในกลุ่มประชากรยากจนที่สุด ซึ่งคิดเป็นประมาณ 20% ของทั้งหมด อัตราเป็น 105.2/100 ซึ่งถือว่าปกติ แต่สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 112.9/100 ในประชากรกลุ่มที่ร่ำรวยที่สุด และ เป็น 132.9/100 ในกลุ่มที่มีบุตรคนที่ 3 ซึ่งตัวเลขหลังนี้แสดงให้เห็น “การคัดเพศ” ของครอบครัวร่ำรวยอย่างชัดเจน
สัดส่วนทารกแรกเกิดเพศชายต่อเพศหญิงในเกือบจะทุกประเทศเป็นระหว่าง 104-106/100 แต่ในย่านเอเชียสูงที่สุดในช่วง 25 ปีมานี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีนกับอินเดีย
ปัจจุบันเอเชียมีประชากรหญิงน้อยกว่าประชากรชายอยู่แล้วถึง 117 ล้านคน นับเป็นปัญหาใหญ่ที่ท้าทายเวียดนามเช่นกัน