ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- นักท่องเที่ยวจากไทยยังนิยมไปเที่ยวเวียดนามโดยทางบกอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เปิดสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) ในปลายปี 2549 จำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี และ เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวเวียดนามกล่าวว่า ไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางตามเส้นทางนี้จำนวนนับล้าน
ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวชาวไทยกว่า 200,000 คน เดินทางผ่านด่านชายแดนไปเที่ยว 7 จังหวัดภาคกลางเวียดนาม เนื่องจากการคมนาคมสะดวกสบาย และมีการปรับปรุงการตรวจคนเข้าเมืองที่ด่านชายแดนให้รวดเร็วกว่าเดิม ตัวเลขเหล่านี้ได้ชี้ให้เห็นความสำคัญของถนนระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก จากเวียดนาม ผ่านลาว เข้าไทย และทะลุไปออกชายฝั่งทะเลพม่าในอนาคต
ถนนระเบียงเศรษฐกิจพาดผ่านพื้นที่ 13 จังหวัดและแขวงของ 3 ประเทศ คือ เวียดนาม ลาวและไทย
ตามตัวเลขขององค์การบริหารการท่องเที่ยวเวียดนาม (VNAT) นักท่องเที่ยวชาวไทยอยู่ใน 10 อันดับแรกบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไปเที่ยวภาคกลางเวียดนาม โดยเดินทางผ่านด่านชายแดนหลายแห่ง ตั้งแต่กวางจิ (Quảng Trị) ขึ้นไป จ.ห่าตี๋ง (Hà Tĩnh) กว๋างบี่ง (Quảng Bình) และ จ.เหงะอาน (Nghệ An)
ปีนี้นักท่องเที่ยวชาวไทยคิดเป็นประมาณ 20% ของบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไปท่องเที่ยวจังหวัดภาคกลาง และจำนวนมีมากกว่านักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และชาวเยอรมันที่ไปเที่ยวในย่านเดียวกัน
“การท่องเที่ยวทางบกยังมีแรงดึงดูดใจซึ่งจะทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านด่านชายแดนมากขึ้นอีกในอนาคต” นายกาวจี๋ยวุ๋ง (Cao Trí Dũng) ผู้อำนวยการบริษัทท่องเที่ยววีทัวร์ (Vitour) กล่าวกับสำนักข่าวซเวินจี๊
ส่วนการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม ประมาณว่า ภายในปี 2558 จะมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านถนนระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก นับเป็นจำนวนล้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 (นครพนม-ท่าแขก) เปิดใช้
ในขณะนี้สำนักงานการท่องเที่ยวในภาคกลางเวียดนามตั้งแต่ จ.กว๋างนาม (Quảng Nam) นครด่าหนัง (Đà Nẵng) และ จ.เถื่อเทียนเหว (Thừa Thiên Huế) ได้ร่วมกันจัดโปรแกรมท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เข้าสู่เวียดนาม
นอกจากนั้น บริษัทท่องเที่ยวกว่า 20 แห่ง ได้รวมตัวกันเป็นสโมสร เพื่อปรับปรุงการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวชาวไทยอีกด้วย นายหวูเถบี่ง (Vũ Thế Bình) ผู้อำนวยการฝ่ายการท่องเที่ยว องค์การบริหารการท่องเทียวแห่งชาติเวียดนาม กล่าว
.