วีเอ็นเอ - เวียดนามถูกจัดให้เป็นปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนชาวญี่ปุ่น แม้ว่าญี่ปุ่นเพิ่งจะเปลี่ยนแปลงนโยบายการลงทุนของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติเมื่อเดือน มี.ค.
ตามการสำรวจที่มีขึ้นเมื่อไม่นานโดยหนังสือพิมพ์นิกเคอิ อีโคโนมิคไทม์ส ระบุว่า บริษัทของญี่ปุ่นที่ลงทุนในเวียดนามในปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 1,000 บริษัท จาก 200 บริษัท ในปี 2549 และผลจากการสำรวจยังระบุว่า โดยเฉลี่ย 70% ของธุรกิจญี่ปุ่นที่ได้สัมภาษณ์นั้น ต่างพิจารณาให้เวียดนามเป็นปลายทางที่น่าดึงดูดใจมากที่สุด แซงไทย อินโดนีเซีย และอินเดีย
ส่วนผลการสำรวจที่ทำขึ้นโดยธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (JBIC) ในปี 2553 ระบุว่า การลงทุนในต่างประเทศของญี่ปุ่นทั้งหมดนั้น เวียดนามอยู่ในอันดับ 3 สำหรับการลงทุนระยะกลาง เนื่องจากเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงสำหรับการค้าต่างประเทศ และอยู่ในอันดับ 4 สำหรับการลงทุนในระยะยาว
นายฮิเดโอะ นะอิโตะ หัวหน้าฝ่ายการลงทุนทางการเงินด้านพลังงาน แหล่งน้ำและโครงสร้างพื้นฐานของ JBIC กล่าวว่า เวียดนามมีสิ่งน่าดึงดูดใจจาก แรงงานราคาถูก แรงงานมีทักษะ การพัฒนาของตลาดในประเทศ และความสามารถในการส่งออกไปยังประเทศที่สาม และว่าเวียดนามได้รับการพิจารณาว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับการบริโภคภายในประเทศจากบรรดาบริษัทของญี่ปุ่น
กลุ่มบริษัท มารุเบนิ ที่ร่วมมือกับบริษัท ด่งนายฟู้ด คอร์เปอร์เรชัน (Dofico) ได้ตั้งเป้าที่จะขึ้นเป็นอันดับ 1 ในภาคการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร อาหาร และอาหารสัตว์ ในตลาดเวียดนาม และในช่วงต้นเดือน พ.ค.บริษัทจากญี่ปุ่นได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์กับบริษัท เวียดนามการ์เม้นท์แอนด์เท็กไทล์กรุ๊ป (Vinatex) เพื่อเพิ่มการส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอของเวียดนามไปยังญี่ปุ่น
กรมการลงทุนต่างประเทศของกระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนาม ระบุว่า จนถึงเดือน ส.ค.ญี่ปุ่นได้ดำเนินโครงการแล้ว 1,560 โครงการ ด้วยมูลค่าการลงทุนจดทะเบียนรวมเกือบ 22,000 ล้านดอลลาร์ จัดอยู่ในอันดับที่ 4 จาก 92 ประเทศ และดินแดนที่ลงทุนโดยตรงในเวียดนาม
โครงการลงทุนจากญี่ปุ่นส่วนใหญ่อยู่ในภาคส่วนอุตสาหกรรมและสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูง ตามแนวทางนโยบายของรัฐบาลเวียดนาม