ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ จิม เว็บบ์ (Jim Webb) เดินทางเข้าเวียดนามอีกครั้งหนึ่งสัปดาห์นี้ เป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ใน “ทะเลตะวันออก” กับเวียดนาม สื่อของทางการรายงาน
ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ นายเว็บบ์ ซึ่งเป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการเอเชียแปซิฟิกของรัฐสภาสหรัฐฯ ได้ออกเรียกร้องให้รัฐบาลประธานาธิบดี บารัค โอบามา ใช้มาตรการที่แข็งกร้าวกับจีนยิ่งขึ้น หลังจากประเทศในแถบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟิลิปปินส์ กับเวียดนาม ได้ประท้วงว่า เรือรบจีนล้ำน่านน้ำหลายครั้ง
วันจันทร์ 22 ส.ค.ศกนี้ นายเว็บบ์ ได้เข้าเยี่ยมสภาประชาชนนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นสภาบริหารของนครและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากนางเหวียนถิเกวียตเติม (Nguyen Thi Quyet Tam) ประธานองค์กรนิติบัญญัติดังกล่าว หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ รายงาน
การเยือนของนายเว็บบ์ เพื่อกระชับมิตรสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับเวียดนาม เช่นเดียวกับประชาชนสองประเทศ วุฒิสมาชิกคนดังจะหารือกับผู้นำระดับสูงหลายฝ่ายเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันในทะเลจีนใต้ทั้งในโฮจิมินห์และในกรุงฮานอย สื่อของทางการ กล่าว
นายเว็บบ์ ซึ่งเป็นอดีตผู้สื่อข่าวคนหนึ่งไปเยือนเวียดนามในเดือน เม.ย.ปีนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจเวียดนาม-สหรัฐฯ
การเยือนของนายเว็บครั้งใหม่ยังมีขึ้นเพียง 2 วันหลังจากเรือบรรทุกเครื่องบิน จอร์จ วอชิงตัน (USS George Washington) สิ้นสุดการไปเยือนเวียดนาม ซึ่งสื่อในประเทศนี้รายงานว่า เรือสหรัฐฯ จอดลอยลำในทะเลจีนใต้ “นอกเขตน่านน้ำเวียดนามตอนเหนือ” อันหมายถึงน่านน้ำที่จีนกล่าวอ้างเป็นของตนเอง และเคยเกิดสิ่งที่สหรัฐฯ เรียกว่า “อุบัติการณ์ทะเลจีนใต้” (South China Sea Incident) ในเดือน มี.ค.2552
สหรัฐฯ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เรืออิมเพ็กคาเบิล ซึ่งเป็นเรือสำรวจและตรวจการณ์ไม่ติดอาวุธของกองทัพเรือถูกเครื่องบินกับเรือตรวจการณ์จีนหลายลำข่มขู่ และเรือจีนได้พยายามลากเรือสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่กว่าเข้าฝั่งเกาะไหหลำ แต่ไม่สำเร็จ
กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้สั่งให้เรือพิฆาตชุงฮูน (USS Chung-Hoon) แล่นเข้าทะเลจีนใต้ คุ้มกันและนำเรืออิมเพ็กคาเบิลกลับไปยังฐานทัพในมลรัฐฮาวายได้อย่างปลอดภัย
การเยือนเวียดนามของประธานอนุกรรมาธิการที่ทรงพลังอำนาจนี้ ยังมีขึ้นหลังจาก นายเคิร์ต แคมป์เบล (Kurt Campbell) ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศฝ่ายกิจการเอเชียแปซิฟิกของสหรัฐฯ กล่าวว่า รัฐบาลควรปรับนโยบายจากตะวันออกกลาง และหันไปให้ความสำคัญต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า