ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- สองกระทรวงของกัมพูชารุมประท้วงไทย กล่าวหาว่าเครื่องบินสอดแนมแบบ แอล-19 “เบิร์ดดอก” ที่เรียกกันง่ายๆ ว่า “แมลงปอ” บินล้ำแดนเพื่อสอดแนมฝ่ายกัมพูชา คราวนี้ย้ายเรื่องจากชายแดนปราสาทตาเมือน-ตาควาย ไปเกิดที่ชายแดนด้าน อ.อรัญประเทศ -ตาพระยา จ.สระแก้ว กับอีกเหตุการณ์หนึ่งทางด้าน อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เป็นไปตามสูตรที่ทูตไทยเปิดโปงในศาลโลกสัปดาห์ที่แล้ว
โฆษกกระทรวงกลาโหมในกรุงพนมเปญออกคำแถลงฉบับหนึ่งในวันเสาร์ กล่าวหาอย่างเมามันว่า เครื่องบิน “แมลงปอ” บินล้ำแดนหลายครั้ง คือ ในวันที่ 30 พ.ค.วันที่ 1 และ 3 มิ.ย.2554 ชายแนวชายแดนระหว่าง อ.ปอยเปต จ.บ้านใต้มีชัย (บันเตียเมียนเจย) อ.ปอยเปต อ.สวายจิก (Svay Chek) และ อ.อัมปึล (Ampil) จ.อุดรมีชัย (ออดดอเมียนเจย)
“ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2554 เวลา 11.30 น.เครื่องบินแบบแอล-19 ของฝ่ายทหารไทยได้บินล้ำน่านฟ้ากัมพูชาตามแนวชายแดนจากช่องบึงตะกวน (Boeng Tror Koun) บ้านใต้มีฤทธิ์ (Banteay Meanrith) เขตคอมมูนบ้านกกระมาด (Kok Romeat) อ.ทะมอพวก (Thmor Pouk) ไปยังปอยเปต และ บินกลับไปยังบริเวณช่องบึงตะกวนอีกครั้ง” คำแถลงของกระทรวงกลาโหมลงวันที่ 4 มิ.ย.กล่าว
เหตุในวันที่ 1 มิ.ย.ก็เช่นเดียวกัน เครื่องแอล-19 ได้ “บินแบบสอดแนม” ในบริเวณบ้านโชคชัย (Chok Chey) คอมมูนโอเบยเจือน (O'bey Choan) ในท้องที่ อ.ปอยเปต ก่อนจะบินไปยังบริเวณบึงตะกวน ผ่านท้องที่ 3 อำเภอของกัมพูชาตลอดแนวชายแดน คือ อ.โอจเรา (O'chrov) อ.สวายจิก กับ อ.ทมอพวก
และพิเศษสุดกัมพูชายังกล่าวหาว่า ใต้ลงไปที่ชายแดนด้าน จ.พระตะบอง ในวันที่ 3 มิ.ย.“ทหารชุดดำ” ของไทยจากหน่วย 523 ได้ใช้ปีกร่อน (paraglider) ขึ้นบินสอดแนมตลอดแนวชายแดนด้านนั้น
กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ออกขานรับวันเดียวกัน ส่งเอกสารบันทึกการทูตถึงสถานทูตไทยในกัมพูชา กล่าวหาเรื่องเดียวกันนี้
โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุในคำแถลงว่า กองทัพกัมพูชาจะปฏิบัติตามคำสั่งอันสูงสุดของสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีโดยเคร่งครัด ใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด กระทรวงการต่างประเทศระบุว่า แม้กัมพูชาจะใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด แต่ก็สงวนสิทธิ์อันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง
นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ในฐานะผู้แทนของไทยได้บอกกับศาลระหว่างประเทศในวันที่ 30 พ.ค.ว่า เหตุการณ์ต่างๆ ตามแนวชายแดนตั้งแต่ต้นปีนี้มา ล้วนเป็นการสร้างสถานการณ์ของฝ่ายกัมพูชาโดยไตร่ตรองล่วงหน้า นับตั้งแต่การปะทะที่ชายแดนด้านปราสาท พระวิหารต้นเดือน ก.พ.ที่กัมพูชาใช้ปราสาทมรดกโลกเป็นที่ตั้งทหารโจมตีฝ่ายไทย
ต่อมาเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ชายแดนด้านปราสาทพระวิหารกลับคืนสู่ภาวะปกติ ในเดือน เม.ย.-พ.ค.ศกนี้ กัมพูชาได้ก่อสถานการณ์ใหม่ขึ้นที่ชายแดนด้านปราสาทตาเมือน-ตาควาย ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 100 กม.เพื่อหลอกลวงให้ชาวโลกเข้าใจว่า ฝ่ายไทยก่อการก้าวร้าวรุกรายกัมพูชาในหลายจุด และ เหตุการณ์แบบนี้พร้อมจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาตลอดแนวชายแดน
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ล้วนเตรียมการไว้ก่อน โดยประสานกับการรณรงค์ทางการเมือง และออกข่าวผ่านสื่อต่างๆ กล่าวหาประเทศไทย
นับเป็นครั้งแรกในปีนี้ที่กัมพูชากล่าวหาว่า เครื่องบินของไทยและทหารชุดดำของไทยละเมิดน่านฟ้าทางชายแดนทิศตะวันตกด้าน จ.สระแก้ว กับ จ.จันทบุรี
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยได้เคยเจรจาชักชวนกัมพูชาเปิดจุดผ่านแดนด้านบึงตะกวน ให้เป็นด่านชายแดนแห่งใหม่เพื่อเพิ่มขยายการค้าและการไปมาหาสู่ระหว่างกัน โดยสร้างสำนักงานศุลกากรกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองขึ้นมาทั้งสองฝั่ง แต่ฝ่ายกัมพูชากล่าวว่า บริเวณดังกล่าวยังไม่มีการปักปันเขตแดน
นับเป็นการกล่าวหาที่น่าประหลาดใจเช่นกัน ขณะที่กัมพูชากล่าวหาว่า เครื่องบินแมลงปอของไทยบินสอดแนมล่วงล้ำน่านฟ้าชาวแนวชายแดนจนถึงเขตบึงตะกวน แต่ยอมรับว่า ชายแดนด้านนั้นยังไม่มีการปักปันเขตแดน