ASTVผู้จัดการออนไลน์ --ศาลจังหวัดเลิมโด่ง (Lâm Đồng ) ได้สั่งยกฟ้องคดีที่นักลงทุนรายใหญ่ ประธานกลุ่มหว่างแอง-ซยาลาย (Hoàng Anh Gia Lai) ฟ้องร้องทางการท้องถิ่น เรียกร้องค่าเสียหายที่ถูกยกเลิกสัมปทาน และ กลายเป็นอีกคดีหนึ่งที่วงการเศรษฐกิจและการลงทุนจับตามองมากที่สุด
นับเป็นกรณีล่าสุดที่ภาคเอกชนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากภาครัฐบาลคอมมิวนิสต์ ซึ่งมักจะลงเอยโดยฝ่ายโจทก์พ่ายแพ้ทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้ผู้เสียหายคือ นายดว่าน-งเวียน-ดึ๊ก (Đoàn Nguyên Đức) หนึ่งในบุคคลร่ำรวยที่สุดในเวียดนาม เป็นเจ้าของเครื่องบินส่วนตัวลำแรกของประเทศ เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลที่เคยเป็นหนึ่งในวีลีค (V League) เคยจ้างทั้ง “ซิโก้” เกียติศักดิ์ เสนาเมือง และ ดุสิต เฉลิมแสน จากทีมชาติไทยเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน
เดิมพันคดีนี้คือ วิลล่าอาศัยและบ้านพักตากอากาศทรงอาณานิคมอันโอ่อ่าที่ฝรั่งเศสสร้างเอาไว้ในเมืองด่าลัท (Đà Lạt) “เมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิตตลอดกาล” ซึ่งเป็นปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
วิลล่าที่ตั้งอยู่ในทำเลทองมีมูลค่านับร้อยล้านดอลลาร์และเป็นที่ต้องการของกลุ่มทุนทั้งในและต่างประเทศ
นายดึ๊กกับ HAGL เซ็นสัญญากับทางการจังหวัดเมื่อ 4 ปีที่แล้วเพื่อเช่าวิลล่าอายุนับร้อยปีกว่า 20 หลัง ภายใต้สัมปทาน 50 ปี โดยจะใช้เงินหลายสิบล้านล้านดอลลาร์ฟื้นฟูบูรณะพัฒนาให้เป็นสถานที่ตากอากาศระดับ 5 ดาว
ศาลชั้นต้นระบุว่า HAGL ไม่ได้ปฏิบัติครบถ้วนตามสัญญาลงทุน การฟื้นฟูบูรณะเรือนเก่าล่าช้าไม่เป็นไปตามกำหนดในสัญญาเช่า ขณะที่นายดึ๊กกล่าวว่า สำนักงานการเงินของจังหวัดเป็นฝ่ายละเมิดสัญญาที่เซ็นกันในปี 2550 และ 2551
กลุ่มนี้ให้การต่อศาลว่า หลังจากเซ็นสัญญากับทางการได้ใช้เงินลงทุนหลายล้านดอลลาร์เป็นค่าเวนคืนที่ดิน ค่าซ่อมแซมบูรณะและฟื้นฟูวิลล่า 8 หลังแรก จนเปิดให้บริการแล้ว แต่ในเดือน ต.ค.2553 ทางการสั่งถอนวิลล่าจำนวน 18 หลังออกจากสัญญา และนำไปให้ผู้ลงทุนอีกกลุ่มหนึ่ง
นายดึ๊กร้องต่อศาลว่า ทางการจังหวัดดำเนินการทั้งหมดเพียงฝ่ายเดียว ขัดต่อกฎหมายและละเมิดสัญญา และปฏิเสธการกล่าวหาที่ว่า HAGL ไม่ได้พัฒนาและเปิดใช้วิลล่าให้ครบทั้งหมดภายใน 12 เดือนนับแต่สัญญามีผลบังคับและปล่อยให้เรือนเก่าล้ำค้าผุกร่อน
ยังมีข้อเท็จจริงอีกจำนวนมากที่ HAGL เรียกร้องให้ศาลไต่สวน แต่ศาลจังหวัดกล่าวว่าทางการมีอำนาจชอบธรรมที่จะยกเลิกสัญญาการลงทุนใดๆ ที่คู่สัญญาไม่ได้ปฏิบัติตามอย่างครบถ้วน จึงได้ยกฟ้องคดีนี้ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดศึกแย่งมหาสมบัติในยกแรก และ นายดึ๊กยื่นขอความเป็นธรรมต่อศาลอุทธรณ์ในทันทีเช่นกัน
ยังมีคดีความแบบเดียวกันนี้อีกจำนวนมากในเวียดนาม ในขณะที่รัฐบาลกลางสั่งการให้จังหวัดต่างๆ สำรวจตรวจตราโครงการลงทุนของต่างชาติที่ล่าช้าหรือไม่ดำเนินตามกำหนดเวลา
ในปีนี้เวียดนามได้ยกเลิกโครงการลงทุนขนาดใหญ่ไปหลายโครงการ รวมทั้งโครงการมูลค่าราว 2,000 ล้านดอลลาร์ของกลุ่มทุนจากมาเลเซีย และ เมกะโปรเจ็กท์มูลค่าแสนล้านดอลลาร์ของกลุ่มทุนจากดูไบ
(โปรดเลื่อนลงเพื่ออ่านต่อ)
เหลืออยู่ไม่มากต้องรีบ ภาพจาก Wikipedia
2
3
4
5
แต่นายดึ๊กถูกมองเป็นนักลงทุนที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของทางการคอมมิวนิสต์อีกคนหนึ่ง เป็นคนเดียวที่กล้าสั่งซื้อเครื่องบินส่วนตัวมูลค่ากว่า 10 ล้านดอลลาร์และนำเข้าในขณะที่เวียดนามยังไมมีกฎหมายอนุญาตให้เอกชนเป็นเจ้าของอากาศยาน แต่เขาก็ประสบความสำเร็จในอีก 6 เดือนต่อมา
เป็นชาว จ.บี่งดิง (Bình Định) เกิดเมื่อปี 2505 ในช่วงปีแห่งสงคราม สอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ 4 ปี จึงประสบความสำเร็จที่มหาวิทยาลัยการเกษตรและการป่าไม้ แต่เรียนได้ปีเดียวก็ลาออก กลายเป็นนักธุรกิจเมื่ออายุ 22 ปี
นายดึกสร้างโรงงานไม้ในบ้านเกิด ผลิตโต๊ะ-เก้าอี้ส่งโรงเรียนในคอมมูนก่อนจะขยายออกไปทั่วอำเภอ ลงทุนการผลิตอื่นๆ อีกหลายรูปหลายแบบ ก่อตั้งกลุ่มหว่างแองฯ ใน ปี 2543 ขยายสู่แขนงอสังหาริมทรัพย์ ทำสวนป่าเพื่อผลิตเฟอร์นิเจอร์ สร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้า ทำเหมืองหินแกรนิต และ ทำสวนยางนับแสนไร่
ตามรายงานในเว็บไซต์ ปัจจุบัน HAGL เป็นเจ้าของโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ กับหมู่บ้านจัดสรรหลายแห่งในนครโฮจิมินห์ กรุงฮานอย กับนครเกิ่นเทอ (Cần Thơ) และ เมื่อเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ นายดึกซึ่งถือหุ้น 50.1% กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศ
ตามข้อมูลปี 2553 กลุ่ม HAGL มีทรัพย์สินกว่า 1,009 ล้านดอลลาร์ ปัจจุบันนายดึ๊กยังเป็นคนร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งในเวียดนาม
ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา HAGL ใช้เงินปีละ 485,000 ดอลลาร์สำหรับสโมสรฟุตบอล ปีที่แล้วได้ก่อตั้งสถาบันฝึกสอนขึ้นในเปลกู (Plei Ku) อันเป็นที่ตั้งของกลุ่ม โดยร่วมมือกับสโมสรอาเซนัลจากประเทศอังกฤษ
กลุ่มทุนเวียดนามยังเคลื่อนเข้าลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลคอมมิวนิสต์ลาวจะต้องขอบคุณนายดึ๊กที่ช่วยสร้างบ้านหมู่บ้านนักกีฬาให้ทั้งให้เปล่าและให้เงินกู้ปลอดดอกเบี้ย ทำให้ลาวเป็นจัดแข่งขันกีฬาซีเกมจนสำเร็จลุล่วงในปลายปี 2552
ทุกวันนี้ นายดึ๊กยังนั่งเครื่องบินส่วนตัวไปดูแลสวนยางหลายหมื่นเฮกตาร์ของเขาในภาคใต้ลาว ขณะเดียวกันก็กำลังเตรียมการก่อสร้างเขื่อน 2 แห่งคือ น้ำกง 2 กับ น้ำกง 3 ในแขวงอัตตะปือทางตอนใต้สุด ด้วยเงินทุน 135 ล้านดอลลาร์
คดีชิงสมบัติเก่าแก่วิลล่ายุคอาณานิคมในด่าลัท จึงถูกจับตาอย่างใกล้ชิด.
งเวียนดึ๊ก- นายแน่มากby Vietnam Express
6
7
8
9