ASTVผู้จัดการออนไลน์ — กรณีพิพาทในทะเลจีนใต้ ระหว่างจีนกับเวียดนาม ยังคงส่งผลกระทบสู่ความสัมพันธ์ด้านอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ที่เสื่้อมทรามลงอย่างเงียบๆ ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านที่ขาดความไว้วางใจต่อกันมาโดยตลอด ล่าสุดเรื่องนี้ได้ลามออกไปสู่ความตกลงด้านพลังงาน ซึ่งสื่อของทางการเวียดนาม กล่าวว่า ยังไม่สามารถทำข้อตกลงซื้อขายไฟฟ้าประจำปี 2554 นี้ได้
เวียดนามยังคงขาดแคลนไฟฟ้าอย่างหนัก หลายปีมานี้ยังต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากจีนปีละหลายพันล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ถึงกระนั้นในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค.ทุกปี เมื่อน้ำในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนลดลงในระดับวิกฤต เวียดนามยังต้องหมุนเวียนดับไฟในเมืองใหญ่ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุงฮานอย และนครโฮจิมินห์
ตามรายงานของสำนักข่าวซเวินจี๊ (Dan Tri) บริษัท ไฟฟ้าภาคเหนือ (Northern Power Corporation) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของการไฟฟ้าเวียดนาม (Electricity of Vietnam Group) ยังไม่สามารถตกลงเกี่ยวกับการซื้อไฟฟ้าจากจีนประจำปีนี้ หลังจากฝ่ายจีนขอขึ้นค่าไฟจาก 5.1 เซ็นต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง เป็น 6-7 เซนต์
ปีนี้เวียดนามจะต้องนำเข้าไฟฟ้าจากจีนถึง 4,600 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ซึ่งเพิ่มจากปีที่แล้วราว 4% ซเวินจี๊ กล่าว
นับเป็นเหตุการณ์อีกเหตุการณ์หนึ่งที่รายงานผ่านสื่อ อันแสดงถึงความชะงักงันในความสัมพันธ์ความร่วมมือระหว่างสองฝ่าย นับตั้งแต่เวียดนามได้ยื่นประท้วงจีนเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากจีนได้เปิดการฝึกซ้อมทางเรือที่บริเวณหมู่เกาะหว่างซาของเวียดนาม หรือ เกาะหนันซาของฝ่ายจีน ที่อยู่ทางตอนล่างของทะเลจีนใต้ หรือ “ทะเลตะวันออก” ตามที่ฝ่ายเวียดนามเรียก
ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และ ไต้หวัน ต่างก็กล่าวอ้างสิทธิ์เหนืออาณาบริเวณหรือเหนือเกาะหลายเกาะ ในหมู่เกาะแห่งนี้ ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ สแปร์ตลีย์ (The Spratlys)
สัปดาห์ที่แล้วรัฐมนตรีการค้าจีนนายเฉินเต๋อหมึน (Chen Demin) ได้บอกกับคณะจากมณฑลหยุนหนันที่ไปร่วมประชุมสภาประชาชนในกรุงปักกิ่ง ว่า รัฐบาลกำลังจะก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเข้าพม่าในปีนี้เป็นสายแรก ขณะเดียวกันการก่อสร้างรถไฟอีกสายหนึ่งจากนครหนานหนิง มณฑลกว่างซีไปยังชายแดนเวียดนามได้เลื่อนออกไป เนื่องจาก “กรณีพิพาทหมู่เกาะ”
ต่อกรณีล่าสุดยังไม่มีคำอธิบายจากฝ่ายจีนเพราะเหตุใดจึงได้ขึ้นราคาไฟฟ้าอย่างกะทันหัน
ตามรายงานของสำนักขาวออนไลน์ภาษาเวียดนาม การซื้อไฟฟ้าจากจีนในราคาที่แพงขึ้น 20-40% จะทำให้รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าเวียดนามขาดทุนอย่างมหาศาล เนื่องจากรัฐบาลยังไม่อนุญาตให้ขึ้นค่าไฟฟ้าภายในประเทศให้เท่าเทียมกับราคาที่นำเข้าและต้นทุนการผลิตภายในได้
ปีที่แล้วอีวีเอ็นขาดทุนประมาณ 1,340 ล้านดอลลาร์ จากความไม่สมดุลเกี่ยวกับราคาไฟฟ้า ขณะที่ 3-4 ปีมานี้ เวียดนามต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากจีน เพื่อสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ยังไม่สามารถผลิตเองได้อย่างเพียงพอ ซเวินจี๊กล่าว
ไฟฟ้าที่ซื้อจากจีนเกือบทั้งหมดใช้ในจังหวัดทางตอนเหนือของประเทศ โดยส่งผ่านสายส่ง 110-220 กิโลโวลต์ และ ยังไม่สามารถเชื่อมต่อกับข่ายไฟฟ้าของอีวีเอ็นได้ ทำให้ส่วนอื่นๆ ของประเทศยังไม่ได้รับประโยชน์จากการซื้อไฟฟ้าจีนด้วย
ถึงแม้ว่าทั่วประเทศจะยังขาดแคลนไฟฟ้าอย่างวิกฤต แต่การก่อสร้างโรงไฟฟ้าหลายแห่งที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ล้วนคืบหน้าไปอย่างล่าช้า ปัญหาสำคัญคือการขาดแรงงานกับปัญหาการเวนคืนและการอพยพราษฎร์ที่ได้รับผลกระทบออกจากเขตก่อสร้าง ซเวินจี๊กล่าว