เวียงจันทน์ไทม์ส - รัฐบาลลาววางแผนปรับปรุงสนามบินนานาชาติวัดไตให้สามารถรองรับเที่ยวบินขาเข้าและเครื่องบินขนาดใหญ่ได้มากขึ้น รวมทั้งรองรับเครื่องบินของคณะเดินทางจากต่างชาติที่จะเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป หรืออาเซม (ASEM) ที่นครเวียงจันทน์ ในปลายปี 2555
องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ ไจก้า (JICA) เสร็จสิ้นการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการปรับปรุงสนามบินที่จะขยายพื้นที่ลานจอดเครื่องบิน ที่รวมทั้งการจัดซื้อเครื่องเอ็กซเรย์ รถดับเพลิงและรถกู้ภัยพร้อมอุปกรณ์อีก 3 คัน โดยโครงการดังกล่าวจะทำให้สนามบินสามารถรองรับเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 747 ได้เพิ่มอีก 5 ลำ ซึ่งจะทำให้สนามบินนานาชาติวัดไตรองรับเครื่องบินได้ทั้งหมด 20 ลำ ที่รวมทั้งเครื่องบินโบอิ้ง 747 อีก10 ลำ
นายสมพอน ไซยะวง ผู้อำนวยการฝ่ายท่าอากาศยานและความปลอดภัย กระทรวงงานการโยธาและขนส่งลาว กล่าวกับสำนักข่าวเวียงจันทน์ไทม์ส ว่า โครงการปรับปรุงสนามบินจะดำเนินการภายใต้การกู้ยืมที่คาดว่าจะได้รับจากรัฐบาลญี่ปุ่น จำนวนรวมทั้งสิ้น 1,000 ล้านเยน (ประมาณ 371 ล้านบาท) และว่าในเดือน ต.ค.2553 ผู้เชี่ยวชาญจากไจก้าเดินทางเยือนลาวเพื่อออกแบบรายละเอียดต่างๆ ของโครงการ
ด้วยขนาดพื้นที่ของสนามบินวัดไตที่มีอย่างจำกัด แม้จะอยู่ภายใต้แผนการปรับปรุงสนามบินของไจก้าก็ตาม เมื่อเทียบกับสนามบินแห่งอื่นๆ ในภูมิภาค จะไม่สามารถรองรับเที่ยวบินทุกเที่ยวที่นำคณะผู้เข้าร่วมการประชุมอาเซมในปีหน้าได้ทั้งหมด ที่เบื้องต้นคาดว่าจะมีเครื่องบินอย่างน้อย 35 ลำ ที่ประกอบด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 747 ประมาณ 15 ลำ ซึ่งต้องการพื้นที่และลานจอดที่สนามบินวัดไต ซึ่งจากข้อจำกัดดังกล่าว ทำให้รัฐบาลลาวประกาศความตั้งใจที่จะขยายสนามบินออกไปอีกนอกเหนือจากการออกแบบของไจก้า
นายสมพอน กล่าวว่า รัฐบาลมีคำสั่งเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ถึงความจำเป็นที่จะต้องขยายพื้นที่จอดให้ใหญ่ขึ้น และว่ารัฐบาลเห็นชอบในหลักการที่จะอนุญาตให้บริษัทจากจีนเข้ามาดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายพื้นที่เพิ่มเติม คาดว่า บริษัทจากจีนจะเริ่มทำการศึกษาได้ภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้าเพื่อร่างแผนที่สำหรับส่วนขยาย
รายงานการศึกษาของไจก้า ระบุว่า หากพัฒนาจนเต็มความสามารถ จะรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้นจนถึงปี 2573 และ มีผู้โดยสารใช้บริการผ่านสนามบินแห่งนี้ประมาณ 3 ล้านคนต่อปี จากในปัจจุบันที่รองรับได้ประมาณ 800,000 คนต่อปี
