xs
xsm
sm
md
lg

โดนแล้วหลายราย ระวัง “แก๊งสาวฮานอย” หลอกถลุง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#3366ff>สมาชิกแก๊งปรี่เข้าหาเหยื่อ พยาบางยัดเยียดหาบผลไม้ให้ แต่เหยื่อรายนี้ดิ้นหนีรอดไปได้ </FONT>
ภาพประกอบทั้งหมดจาก Dan Tri Online

ASTVผู้จัดการรายวัน -- สื่อในเวียดนามเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังแก๊งหญิงสาวในกรุงฮานอย ที่ซุ่มจับเหยื่อชาวต่างชาติ โดยใช้เล่ห์กลต่างๆ นานา เพื่อรีดเงิน ระยะที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจำนวนมากถูกล้วง หรือกรีดกระเป๋า ทั้งเงินทั้งสิ่งของมีค่าหายเกลี้ยง แก๊งหญิงสาวเหล่านี้ยังคงรอดสายตาของเจ้าหน้าที่ ออกปฏิบัติการล่าเหยื่อ เป็นพักๆ ในย่านที่มีผู้คนพลุกพล่าน

นักข่าวกับช่างภาพของสำนักข่าวซเวินจี๊ (Dan Tri) ที่ออกไปซุ่มทำข่าวและเก็บภาพเหตุการณ์ที่บริเวณสี่แยกถนนเลถายโต่ (Le Tai To) ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เห็นหญิงสาวจำนวน 8 คน คอยดักนักท่องเที่ยวและยกหาบตะกร้าผลไม้ขึ้นวางบนไหล่ของนักท่องเที่ยวหญิงคนหนึ่ง สวมงอบให้พร้อมบังคับให้ถ่ายรูป

จากนั้นก็แบมือขอค่าบริการ คะยั้นคะยอ เซ้าซี้ และทำทุกอย่างเพื่อให้เหยื่อต่างชาติคนนั้นซื้อผลไม้ในตะกร้าในราคาสูงลิ่ว

นี่เป็นเพียงวิธีการเดียว แก๊งหญิงสาวยังมีเล่ห์กลมากกว่านี้อีก ซเวินจี๊ กล่าว

เวลาประมาณ 09.00 น.หญิงสาวทั้ง 8 จะจัดเตรียมหาบตะกร้าที่บรรจุสับปะรดปอกแล้วเพียงไม่กี่ลูก กับมะม่วงและผลไม้อื่นๆ รวมทั้งอ้อยควั่น ไปรวมตัวกันที่ริมถนนเกิวยอ (Cau Go) ในกรุงฮานอย คนเหล่านี้ดูไม่ต่างกับแม่ค้าหาบเร่ทั่วไปในย่านเมืองเก่า แค่ความตั้งใจของพวกเธอแตกต่าง นั่นก็คือ ทุกคนพากันมุ่งหน้า “จับเหยื่อ” เพื่อรีดเงินในรูปค่าบริการ

หาบเร่เทียมๆ พวกนี้จะมองหาเหยื่อในย่านที่นักท่องเที่ยวต่างชาติพลุกพล่าน เช่น ในเขตเมืองเก่า จ้องหาเหยื่อที่เดินเดี่ยวๆ หรือไปกันเป็นคู่ เมื่อเดินสวนทาง พวกเธอจะทำทีตีสนิทด้วยความอ่อนน้อมต้อนรับขับสู่ ให้เหยื่อไว้วางใจ จากนั้นก็ยกหาบไม้คานขึ้นวางบนบ่าของเหยื่อ สวมหมวกงอบให้ และเชื้อเชิญให้ถ่ายรูป
<bR><FONT color=#3366ff>นักท่องเที่ยวรายนี้แสดงสีหน้าไม่พอใจ ที่ถูกแก๊งสาวฮานอยตามตื๊อ </FONT>
<bR><FONT color=#3366ff>แม้นักท่องเที่ยวจะแสดงสีหน้าที่เหนื่อยหน่ายสักปานใด แก๊งหญิงสาวก็จะตามตื๊อต่อไปให้จนมุม  </FONT>
<bR><FONT color=#3366ff>ล้อมหน้าล้อมหลัง บังคับให้หาบและให้สวมหมวก ให้ถ่ายรูป และให้จ่ายแพงลิ่ว </FONT>
<bR><FONT color=#3366ff>ล้อมหน้าล้อมหลัง บังคับให้หาบและให้สวมหมวก ให้ถ่ายรูป และให้จ่ายราคาแพงลิ่ว </FONT>
<bR><FONT color=#3366ff>ล้อมหน้าล้อมหลัง บังคับให้หาบและให้สวมหมวก ให้ถ่ายรูป และให้จ่ายราคาแพงลิ่ว </FONT>
<bR><FONT color=#3366ff>นักท่องเที่ยวหญิงที่เดินคนเดียว เป็นเป้าหมายแรกๆ ของแก๊งนี้</FONT>
<bR><FONT color=#3366ff>เดินกันเป็นคู่ๆ ก็ยิ่งง่ายในการปฏิบัติการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเหยื่อเป็นคู่รักกัน</FONT>
<bR><FONT color=#3366ff>สมาชิกแก๊งส่วนหนึ่งเป็นนักล้วงและนักกรีดกระเป๋าระดับมืออาชีพ ในยามที่นักท่องเที่ยวเผอเลอ</FONT>
<bR><FONT color=#3366ff>นักท่องเที่ยวคนนี้ยิ้มอย่างพอใจ เพราะเข้าใจว่าเป็นการต้อนรับขับสู้นักท่องเที่ยวอันอบอุ่นของชาวเวียดนาม  </FONT>
<bR><FONT color=#3366ff>แต่ทุกคนแสดงสีหน้าช็อก เมื่อรู้ว่าจะต้องจ่ายเท่าไร</FONT>
In Action ไม่ต้องการคำบรรยายใดๆ





ในเวลาที่ตัดพันกัน หญิงสาวร่วมแก๊งคนหนึ่งก็จับถุงบรรจุสับปะรดยัดใส่มือของเหยื่อ เจ้าตัวจะรู้ว่ามันคืออะไร ก็เมื่อหญิงสาวกลุ่มนี้กรูเข้าไปขอค่าบริการ และค่าผลไม้รายละตั้งแต่ 5-10 ดอลลาร์ หรือ 50,000-100,000 ด่ง ขึ้นไป

บางครั้งสมาชิกแก๊งคนใดคนหนึ่งจะลงทุนยกหาบขึ้นเทียมไหล่ของเหยื่อด้วยตัวเอง เพื่อให้ถ่ายรูป ก่อนจะแบมือขอดอลลาร์ ส่วนใหญ่เหยื่อไม่มีทางจะปฏิเสธ เนื่องจากหญิงสาวเหล่านั้นใช้ช่องว่างด้านภาษาส่งเสียงเอะอะโวยวาย กรูเข้าหา แสร้งทำเป็นโกรธเคืองให้เหยื่อตกใจและยอมจ่าย

อีกวิธีการหนึ่งง่ายๆ ในการทำมาหากิน ก็คือ จัดเตรียมธนบัตรที่มีค่าต่ำๆ เอาไว้มากๆ เพื่อเป็นเงินทอนเมื่อเหยื่อซื้อของ ก็จะยัดเงินที่เตรียมเอาไว้ใส่มือให้เป็นเงินทอน กว่าเหยื่อจะนับเงินครบ นักหลอกลวงพวกนี้ก็หายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว ท่ามกลางความพลุกพล่านของผู้คน ซเวินจี๊กล่าว

ยังมีอีกหลากหลายวิธีการ แต่ที่ได้ผลมาก ก็คือ แก๊งพวกนี้กระทำการแบบเดียวกับที่กล่าวมาแล้ว และเมื่อเหยื่อปฏิเสธที่จะจ่าย ก็จะส่งเสียงโวยวายผลักกันชุลมุน ขณะเดียวกัน สมาชิกแก๊งที่มีความเชี่ยวชาญก็จะปฏิบัติการล้วงกระเป๋าเหยื่อ หรือไม่ก็กรีดกระเป๋าถือของเหยื่อผู้หญิง มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากสูญเสียทั้งเงินทอง กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือราคาแพง รวมทั้งเอกสารสำคัญในการเดินทาง ในเหตุการณ์เช่นนี้

สำนักข่าวแห่งนี้ กล่าวว่า เหยื่อที่ไปเจอกับแก๊งกรรโชกทรัพย์พวกนี้ จะได้แต่ส่ายหน้าและเดินคอตกออกไป พร้อมกับความทรงจำที่ไม่อาจจะลืมได้ และเรื่องนี้เกิดขึ้นในปีที่กรุงฮานอยกำลังจะฉลองครบรอบปีที่ 1,000 ในการก่อตั้ง ซเวินจี๊ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น