เวียดนามเน็ต - ภัยแล้งในเวียดนามจะกลายเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากยิ่งขึ้น เมื่อระดับในแม่น้ำแดงขณะนี้ อยู่ที่ระดับต่ำที่สุดที่เคยมี ซึ่งทำให้พื้นที่ทางภาคเหนือต้องประสบกับปัญหาความแห้งแล้งอย่างรุนแรง และเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่าเพิ่มขึ้นไปอีก
ก่อนหน้านี้ ทางการได้เตือนไปยัง 8 จังหวัดและเมืองของประเทศให้ระวังอันตรายจากการเกิดไฟป่าซึ่งอยู่ในระดับอันตราย และอีก 6 แห่งที่ได้รับการเตือนว่าอยู่ในระดับที่ "อันตรายมาก" และวันที่ 23 ก.พ. ตัวเลขของพื้นที่ที่อยู่ในภาวะอันตรายต่อการเกิดไฟป่าเพิ่มขึ้นเป็น 12 และ 7 แห่ง
Ha Cong Tuan หัวหน้ากรมป่าไม้ของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท กล่าวว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่าในประเทศมีเพิ่มสูงขึ้น
ตามรายงานจากหน่วยงานการจัดการป่าไม้ในแต่ละท้องถิ่นในวันที่ 23 ก.พ. ระบุว่า มี 7 จังหวัด ได้รับการเตือนว่าอยู่ในระดับอันตรายที่สุดที่จะมีโอกาสเกิดไฟป่า ได้แก่ จ.อานซยาง (An Giang) จ.ก่าเมา (Ca Mau) จ.ซาลาย (Gia Lao) จ.เกียนซยาง (Kien Giang) จ.กงตูม (Kon Tum) จ.เลิมด่ง (Lam Dong) ในภาคใต้และที่ราบสูงภาคกลาง รวมทั้งจ.เซินลา (Son La) ในภาคเหนือ
โดยอีก 12 แห่ง ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า ประกอบด้วย จ.บิ่งเฝือก (Binh Phuoc) จ.บ่าเหรียะ-หวุงเต่า (Ba Ria - Vung Tau) จ.ดั๊กลัก (Dak Lak) จ.ด่งนาย (Dong Nai) จ.ดั๊กนง (Dak Nong) จ.ซาลาย (Gia Lai) จ.เลิมด่ง (Lam Dong) จ.เติยนิงห์ (Tay Ninh) ในภาคใต้และที่ราบสูงภาคกลาง รวมทั้งจ.กาวบั่ง (Cao Bang) จ.ห่าบิ่งห์ (Hoa Binh) จ.ลางเซิน (Lang Son) ในภาคเหนือ และจ.เหงะอาน (Nghe An) ในภาคกลาง
นาย Tuan กล่าวว่า สถานการณ์เหล่านี้เป็นผลมาจากปรากฏการณ์เอลนิโญ (El Nino) ทำให้สภาพอากาศในเวียดนามปีนี้แห้งมาก อุณหภูมิเฉลี่ยในพื้นที่ทั้งหมดเพิ่มขึ้น 2-3 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ ฤดูฝนจะสิ้นสุดเร็วขึ้น ในขณะเดียวกันปริมาณน้ำฝนโดยเฉลี่ยจะต่ำลงมาก
ในช่วงเทศกาลตรุษญวนที่ผ่านมา มีการรายงานเหตุไฟป่าทั้งหมด 8 แห่ง โดยมีเหตุไฟป่าซึ่งเกิดขึ้นที่ จ.ลาวกาย และจ.ลายเจิว ได้ทำลายพื้นที่ป่าไปกว้างกว่า 1,000 เฮกตาร์
ตามที่ทางการได้ระบุไว้ กว่า 70% ของไฟป่าที่เกิดขึ้นในเวียดนาม เกิดจากการเผาถางป่าของเกษตรกร เพื่อทำพื้นที่เกษตรสำหรับเพาะปลูก เมื่อไฟป่าเกิดลามออกนอกพื้นที่ก็ยากต่อการควบคุมเนื่องจากเวียดนามยังไม่มีเครื่องมือดับเพลิงที่ทันสมัย
นาย Le Hoang Huong ผู้อำนวยการอุทยานแห่งชาติ U Minh Thuong ในจ.เกียนซยาง (Kien Giang) กล่าวว่า ระดับน้ำภายในอุทยานกำลังลดลง อุทยานกำลังเผชิญกับความเสี่ยงในระดับที่ 4 คือ อันตรายที่จะเกิดไฟป่า
Ta Vu Linh รองผู้อำนวยการอุทยานแห่งชาติ U Minh Ha กล่าวว่าพื้นที่ป่ากว่า 2,000 เฮกตาร์ อยู่ในระดับที่ 4 ของการเกิดไฟป่า และในอีก 1 สัปดาห์พื้นที่ป่าประมาณ 1,000 เฮกตาร์จะถูกจัดให้อยู่ในระดับที่ 5 คือ อันตรายมาก ซึ่งทางอุทยานได้ให้พนักงานจำนวน 180 คน พักอยู่ในป่าเป็นเวลา 2 เดือนและไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้ามาในอุทยาน
ในขณะเดียวกันอุทยานแห่งชาติฟุ๊ก๊วก (Phu Quoc) ซึ่งมีพื้นที่ป่ามากกว่า 31,000 เฮกตาร์กำลังประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก ป่าทั้งหมดถูกจัดให้อยู่ในระดับการเตือนภัยที่สูงที่สุด ซึ่งผู้อำนวยการอุทยาน Pham Quang Binh กล่าวว่า พนักงานทั้งหมดของอุทยานเข้าประจำการอยู่ในป่าเพื่อป้องกันเหตุไฟป่าที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลา
ตามที่กรมป่าไม้ของจ.อานซยาง ระบุไว้ จ.อานซยางมีพื้นที่ป่าทั้งหมดมากกว่า 18,000 เฮกตาร์ ได้ถูกจัดให้อยู่ในระดับความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่าสูงที่สุด ในขณะที่กรมป่าไม้จ.ซาลาย ยืนยันเช่นกันว่า ป่าใน 17 อำเภอของจังหวัดถูกจัดให้อยู่ในระดับที่ 5 ของการเตือนภัยไฟป่าเช่นเดียวกัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์ระบุว่า พื้นที่ราบสูงภาคกลางของเวียดนามจะเป็นพื้นที่ที่เผชิญกับปัญภัยแล้งอย่างรุนแรงต่อไปอีกหลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.