ไซ่ง่อนเถียบถิ - การกินอาหารจานแปลกถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเอเชีย ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นอาหารป่า โดยเฉพาะเมนูจากสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์โดยคิดว่ามีผลดีต่อสุขภาพและสมรรถภาพทางเพศ เช่น เสือ สำหรับบำรุงกำลัง หรือนอแรดเพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น แต่ในเวียดนามที่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์จำพวกหนู กบ พังพอน หรือค้างคาว ก็เป็นเรื่องปกติที่จะพบเมนูเหล่านี้อยู่บนโต๊ะอาหารตามร้านต่างๆ ในเมือง
เมนูอาหารป่าล่าสุดที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ คือ เมนูเนื้อตุ๊กแก โดยให้เหตุผลว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากร้านอาหารต่างๆ ในเมืองใหญ่ ทำให้ฟาร์มเลี้ยงตุ๊กแกผุดตามขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการตอนนี้
ตุ๊กแกส่วนใหญ่จะขายในราคาตัวละ 20,000-40,000 ด่ง (1.2-2.5 ดอลลาร์) ขึ้นอยู่กับน้ำหนัก ซึ่งโดยทั่วไปจะมีน้ำหนักราว 100-180 กรัม
แต่ราคาอาจเพิ่มขึ้นเป็นสองหรือสามเท่าหากผู้ซื้อมีความเชื่อว่าสีผิวของตุ๊กแกเป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพที่จะไปส่งเสริมในเรื่องสมรรถภาพทางเพศสำหรับผู้ชาย ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้า และรักษาโรคระบบทางเดินหายใจ
นายฮวี่งหง็อกบิก (Huynh Ngoc Bich) เจ้าของฟาร์มตุ๊กแกใน จ.อานซยาง (An Giang) ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขงกล่าวว่า สัตว์เลื้อยคลานพวกนี้สามารถเลี้ยงในกรงได้โดยไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด และผสมพันธุ์วางไข่ได้เช่นเดียวกับที่ทำในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ
ตุ๊กแกตัวเมียสามารถวางไข่ได้ 3 ครั้งต่อปี และวางไข่ครั้งละ 5-8 ฟอง นายบิกกล่าว
พื้นที่ถัดไปจากแหล่งชุมชนเมือง ฟาร์มตุ๊กแกต่างผุดขึ้นมาอย่างมากมาย ทั้งใน จ.อานซาง จ.ด่งท้าป (Dong Thap) และ จ.ลองอาน (Long An)
นายเหวียนวันเกย ( Nguyen Van Coi) จากนิคมหนุยโวย (Nui Voi) จ.อานซยาง กล่าวว่า เขามีที่อยู่ขนาด 3,500 ตารางเมตร เลี้ยงตุ๊กแกไว้อย่างน้อย 500 ตัว ที่พร้อมจะนำไปต้ม ย่าง หรือแล่เนื้อเพื่อนำไปปรุงอาหาร
นอกจากนั้นเขายังมีตราสินค้าเป็นของตัวเองในชื่อ “Gecko Bay Nui” มาจากคำว่า “Bay Nui” หรือภูเขาเจ็ดลูก ซึ่งที่เป็นชื่อที่ได้รับความนิยมทั่วทั้งจังหวัด
ตุ๊กแกโตเต็มที่มีขนาดยาวประมาณ 22 เซนติเมตร มีความสามารถในการเกาะเกี่ยวและไต่ไปตามพื้นผิวต่างๆ มักจะออกหาอาหารในเวลากลางคืน และเชื่อกันว่าตุ๊กแกมีตาที่ 3 อยู่บนหัวที่ช่วยในการเปลี่ยนสีตามสภาพแวดล้อม ผิวตุ๊กแกจะมีสีเทาแซมสีน้ำตาลแดง และมีจุดแดงกระจายอยู่ สามารถทำให้สีผิวเข้มขึ้นหรืออ่อนลงได้
สุดท้ายตุ๊กแกกลายเป็นอาหารป่าอีกจานที่สร้างสีสันและความท้าทายแปลกใหม่ให้กับประสบการณ์การกินที่ไม่เหมือนใครในเวียดนาม