xs
xsm
sm
md
lg

กลับจากชายแดนไทยกลายเป็นตลกโลก.. มีเพียงคนเดียวที่ทำได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 <bR><FONT color=#3366ff>ภาพเหตุการณ์ในเช้าวันที่ 8 ก.พ.2553 นายกฯ กัมพูชาฮุนเซน ใช้ค่ายทหารแห่งหนึ่งห่างจากชายแดนไทยไม่กี่ร้อยเมตร เป็นเวทีตะโกนด่า แช่งชักหักกระดูกผู้นำของไทยแบบหยาบๆ คายๆ แถมยังสั่งหน่วยงานของรัฐอัดเสียง แปลเป็นภาษาอังกฤษออกเผยแพร่ ประจานและแสดงความเขลาเบาปัญญาของตัวเอง ชาวเขมรในต่างแดนเห็นในทำนองเดียวกัน    </FONT></bR>

ASTVผู้จัดการออนไลน์-- นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซน สิ้นเสร็จการเยือนชายแดนกัมพูชา-ไทย และกลายเป็นตัวตลกในสายตาของชาวเขมรที่อาศัยทำกินในต่างแดน หลายคนกล่าวว่าอาการโกรธกริ้ว ทำเรื่องของประเทศชาติเป็นเรื่องส่วนตัวนั้น เป็นการกระทำของ "คนเขลา"

ชาวกัมพูชาที่อาศัยทำกินในต่างแดนซึ่งมีช่องทางเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร มีโอกาสได้อ่าน และ รับฟังคำปราศรัยของผู้นำกัมพูชาในวันจันทร์ (8 ก.พ.) ผ่านยูทูบ ต่างแสดงความเศร้าใจ แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ได้สนับสนุนประเทศไทยกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ ยังเชื่อว่าทหารไทยรุกรานและยึดครองดินแดน รอบๆ ปราสาทพระวิหารซึ่งเป็นกัมพูชาก็ตาม

สิ่งที่ฮุนเซนแสดงออกมานั้นเป็น "อาการทางประสาทของคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่มีทางออก"

"เสียสติ หมดท่า ไม่มีลักษณะของรัฐบุรุษหลงเหลืออยู่อีก เก็บกด ทำให้ปัญหาประเทศกลายเป็นความแค้นส่วนตัว และไม่หาทางออกอย่างเยี่ยงคนที่มีสติปัญญาทั่วไป"

"หรือว่าไปที่นั่นเพียงแค่สร้างข่าว กลบกระแสประเทศเพื่อนบ้านทางด้านตะวันออกฮุบดินแดนกัมพูชา และฮุนเซนไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่มีทางออก ไม่กล้าบอกกับประชาชนเขมร? ถ้าหากไปด้วยเหตุผลประการหลังนี้นับว่าเขาประสบความสำเร็จทีเดียว

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างความคิดเห็นส่วนหนึ่งที่ชาวเขมรในต่างแดนโพสต์ลงใน Everyday.com.kh เว็บไซต์ข่าวและข้อมูลภาษาเขมรที่ได้รับความนิยมอย่างสูง

ผู้สื่อข่าวของเว็บไซต์ข่าวแห่งนี้ กล่าวว่า รัฐบาลฮุนเซนจะต้องสร้างความกระจ่างเกี่ยวกับการไปตระเวนเยือนชายแดนไทยครั้งนี้ว่า ต้องการ อะไรกันแน่ เพราะว่าถ้าหากไปเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่อย่างที่หลายฝ่ายแสดงความคิดเห็นก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้อะไรกลับมา
 <bR><FONT color=#3366ff>นายทหารยศพลตรีคนหนึ่งของกัมพูชา กำลังเจรจาอะไรสักอย่างกับทหารไทย เบื้องหลังของภาพดูเหมือนเป็นบันไดขึ้นปราสาทตาเมือนธม หนังสือพิมพ์ดืมอัมปึลเผยแพร่ภาพนี้ในฉบับวันอังคาร (9 ก.พ.) ลบล้างการโกหกของนายฮอร์นัมฮองที่ว่าไม่มีทหารคนใดของกัมพูชาไปที่นั่นเพื่อเจรจากับฝ่ายไทย แต่พอถูกถามว่ามีคนเห็น ปลัดกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชาไปที่นั่นอีกคน นายฮองเลื้อยหนีต่อไปว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนดังกล่าวไปที่นั่น ด้วยกิจธุระส่วนตัว  </FONT></b>
ในการแถลงวันศุกร์ (5 ก.พ.) นายกอยเกือง (Koy Kuong) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า ฮุนเซนจะไม่เข้าไปในพื้นที่ในพิพาทกับไทย และในการให้สัมภาษณ์ตอนเช้าวันเสาร์ (6 ก.พ.) ขณะที่ผู้นำกำลังทำพิธีเปิดอาคารบัญชาการที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง โฆษกคนเดียวกันยังคงยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า ฮุนเซนจะไม่เข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว

“ท่านนายกรัฐมนตรีไม่มีแผนการจะเข้าไปที่นั่น” หนังสือพิมพ์ดืมอัมปึล ที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลรีบรายงานลงบนเว็บไซต์หลังจากนั้นเพียงประมาณ 1 ชั่วโมง

แต่ในบ่ายวันเดียวกันทีวีเค (TVK) หรือ โทรทัศน์กัมพูชา ได้เผยแพร่ภาพออกอากาศฮุนเซนได้พบหารือกับพล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาค 2 ของไทย โดยระบุว่าสถานที่เป็นวัดแก้วสิกขาคีรีเสาวรักษ์ ซึ่งอยู่ในดินแดนพิพาท

ก่อหนน้านี้ใครๆ ก็เข้าใจกันว่า ฮุนเซนจะเข้าไปยังวัดแห่งนั้น รวมทั้งไปเยี่ยมชุมชนชาวเขมรที่อยู่ล่างลงไปทางฝั่งไทย ในดินแดนพิพาทที่ฝ่ายกัมพูชายืนยันว่าเป็นของตน แต่แล้วก็ไม่ได้ไปสถานที่หลัง

ฝ่ายกัมพูชาเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กับ แม่ทัพภาค 2 ของไทยขึ้นๆไปยังปราสาทพระวิหาร แล้วโฆษณาออกไปว่า ไม่ใช่ฝ่ายไทยที่ต้อนรับนายกฯ กัมพูชา แต่เป็นฝ่ายฮุนเซนต่างหากที่ต้อนรับเจ้าหน้าที่ของไทย ในดินแดนกัมพูชา

นายกฯ ฮุนเซน "ลักไก่" เข้าไปในเขตวัดฯ โดยอ้างว่าไปไหว้พระพุทธรูป พระประธาน

แต่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาจัดแถลงข่าวอย่างลนลานในบ่ายวันจันทร์ ก่นประณามหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์กับหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น กล่าวหาว่าจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริง เรื่องการไปเยือนชายแดนของฮุนเซน
 <bR><FONT color=#3366ff>ภาพของบางกอกโพสต์ ทหารไทยเตรียมพร้อมรับมือเขมรที่ปราสาทตาเมือน หากไม่วางอาวุธก่อนจะข้ามเข้ามาจะต้องเจอกันแน่ แต่ฮอร์นังฮองก่นด่าหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของไทยว่า บิดเบือนข้อเท็จจจริงอย่างบัดซบ </FONT></bR>
ตอนเช้าวันจันทร์ ฝ่ายทหารของไทยได้รับการติดต่อจากนายทหารกัมพูชาในพื้นที่ ที่เข้าไปเยี่ยมเยือนถึงปราสาทตาเมือนธม จึงทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจได้ในทันทีว่า ฮุนเซนฯ กำลังจะไปที่นั่นเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของเหนือดินแดน และ หมู่ปราสาทที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของไทยมาหลายสิบปีแล้ว

ตามข้อมูลของฝ่ายไทย ไทยได้แจ้งให้ทราบว่า ทหารกัมพูชาที่จะติดตามคณะนายกฯ ฮุนเซน "เข้าไปเยี่ยมชม" ปราสาทตาเมือนธม จะต้องถูกปลดอาวุธ เนื่องจากเป็นการเข้าไปในดินแดนของไทย แต่แล้วการไปเยือนก็ไม่เกิดขึ้น

จึงเป็นที่เข้าใจได้เป็นอย่างดีว่า เพราะเหตุใดฮุนเซนจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และก่นด่า นายกรัฐมนตรีของไทย แช่งชักหักกระดูกแบบคนไร้สติ ต่อหน้านายทหารระดับสูงของกองทัพกัมพูชา และ คณะที่ติดตามซึ่งรวมทั้งนักธุรกิจ กลุ่มทุนใหญ่ในวงศ์วานว่านเครือของพรรครัฐบาล กับข้าราชการระดับสูงที่ใกล้ชิด

แต่กระทรวงการต่างประเทศ โดยนายฮอร์นัมฮองได้ออกแถลงอย่างลนลานว่า ฮุนเซนไม่ได้มีแผนการที่จะเข้าไปยังปราสาทตาเมือนธม และไม่มีเจ้าหน้าที่คนใด หรือ นายทหารคนใดของฝ่ายกัมพูชาไปเจรจากับฝ่ายไทยในเรื่องนี้

นายฮองยังก่นด่า หาว่าหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของไทยทั้งสองฉบับ รวมทั้งสำนักข่าวไทยที่เสนอข่าวภาษาอังกฤษด้วย ได้ “บิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างบัดซบ"

 <bR><FONT color=#3366ff>สำหรับมือการ์ตูนอินเตอร์ฯ อย่างอึงบุนเฮียง ฮุนเซนนายพล 5 ดาวที่มีดวงตาข้างเดียว เป็นตัวตลกในดวงใจมาตลอด คงเส้นคงวา </FONT></bR>
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีนักข่าวถามว่า แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นจริง พล.ท.ขันสะเวือน (Khan Savoeun) ปลัดกระทรวงมหาไทยของกัมพูชา ไปปรากฏตัวที่ปราสาทตาเมือนธมด้วยเหตุใด?

นายฮอร์นัมฮองกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ดังกล่าวเข้าไปยังปราสาทตาเมือนธม "ด้วยกิจธุระส่วนตัว" ไม่เกี่ยวกับกำหนดการของนายกฯ ฮุนเซน

การแถลงข่าว การออกปฏิเสธข่าวของฝ่ายกัมพูชาจึงดูไม่แนบเนียน

วันรุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์ดืมอัมปึล หนังสือพิมพ์รายวันที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลมากที่สุดอีกฉบับหนึ่ง ได้ตีพิมพ์รูปภาพนายทหารกัมพูชาคนหนึ่ง ขณะกำลังพูดคุยกับทหารชุดดำของฝ่ายไทย และ เบื้องหลังของรูปภาพนั้นเป็นบันไดขึ้นไปยังปราสาทตาเมือนธม ....

ไม่เพียงแต่ฮุนเซนเท่านั้นที่กลายเป็นตัวตลกหลังกลับจากชายแดนไทย "จิ้งจอกเฒ่า" วัย 72 ปี ฮอร์นัมฮอง นักการทูตผู้ช่ำชองด้วยประสบการณ์ ได้กลายเป็นตัวตลกระหว่างประเทศไปด้วย.
กำลังโหลดความคิดเห็น