แถ่งเนียน - บริษัทหลายแห่งในเวียดนามต่างกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำตาลที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากพวกเขาต้องเตรียมรับมือกับช่วงการผลิตขนมหวานและเครื่องดื่มเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณความต้องการที่จะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ในวันที่ 30 ธ.ค. ราคาน้ำตาลในกรุงฮานอยขายอยู่ที่ 17,000-18,000 ด่ง (0.89-0.95 ดอลลาร์) ต่อกก. เพิ่มขึ้นเกือบ 50% จากในช่วงครึ่งปีแรก
ราคาน้ำตาลที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ส่งผลให้สินค้าหลายรายการที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก เช่น ขนมหวานและเครื่องดื่ม ขายได้ยากยิ่งขึ้นเพราะต้นทุนสูง
นายดว่านมีงซวุง (Doan Minh Dung) ผู้อำนวยการใหญ่บริษัทขนมหวานหายห่าโกโตบุกิ (Hai Ha Kotobuki) กล่าวว่าราคาน้ำตาลไม่เคยพุ่งสูงเท่านี้มาก่อน เป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตและส่งผลต่อผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อสินค้า
ต้นทุนการผลิตของบริษัทนี้เพิ่มขึ้น 30-40% เนื่องจากน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลักถึง 60% ในสินค้าหลายชนิด "ผลกำไรของเราลดลงมาก สินค้าที่เป็นหน้าตาของบริษัททำกำไรได้น้อยลง" นายซวุงกล่าว
บริษัทห่าหายโกโตบุกิ ใช้น้ำตาล 300-400 ตันต่อเดือน จึงมีแผนที่จะปรับราคาสินค้าขึ้น 5-10% ขณะที่บริษัทนี้จะต้องผลิตสินค้าอีกมากกว่า 100 ตันเพื่อรองรับความต้องการที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงเทศการตรุษ ซึ่งในปี 2552 ช่วงเทศกาลนี้ต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นราว 30%
นายเจิ่นกวีแทง (Tran Quy Thanh) ผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มเติ่นเหียบฟ๊าต (Tan Hiep Phat Group) กล่าวว่า "ราคาน้ำตาลในปัจจุบัน ทำให้สินค้าของเราแทบไม่มีกำไรเลย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่บริษัทของเราจะปรับเพิ่มราคาขายเพราะเรากลัวว่าจะถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดไป ลูกค้าจะไปหาสินค้าที่ราคาถูกกว่า"
สถานการณ์ดังกล่าวดูจะกลายเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้นหากราคาน้ำตาลยังคงพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากบริษัทนี้ต้องใช้น้ำตาลเกือบ 1,000 ตันต่อเดือน
อย่างไรก็ตามยังมีบางบริษัทได้ปรับเพิ่มราคาขายสินค้าตามราคาน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นแล้ว
นายฟานวันเทียน (Phan Van Thien) รองผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทบิบิกา (Bibica) กล่าวว่า การขึ้นราคาสินค้าเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากบริษัทใช้น้ำตาลถึง 300 ตันต่อเดือน และน้ำตาลคิดเป็น 30% ของต้นทุนการผลิต
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบิบิกาจะขึ้นราคาสินค้าบางชนิดประมาณ 5% แต่สินค้าประเภทขนมหวาน แยม นม และเครื่องดื่มตามซูเปอร์มาเก็ตนั้น ต่างปรับราคาขึ้น 5-30% ทั้งสิ้น
นายหวอแทงดั่ง (Vo Thanh Dang) ประธานสมาคมผู้ค้าอ้อยเวียดนาม กล่าวว่าราคาน้ำตาลเพิ่มสูงในตลาดภายในประเทศ เนื่องจากราคาในตลาดโลกมีการปรับเพิ่มราคาขึ้น เพราะวัตถุดิบที่ใช้ผลิตน้ำตาลในช่วงฤดูผลิต 2552-53 นั้นผลิตได้น้อยลง ทำให้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกพุ่งขึ้นไปสูงสุดที่ 624.5 ดอลลาร์ต่อตัน ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย. ปีที่แล้ว
มีการคาดการณ์ว่าตลาดโลกจะประสบกับการขาดแคลนน้ำตาลประมาณ 4.5-6 ล้านตัน เนื่องจากอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตใหญ่อันดับ 2 ของโลก ผลิตน้ำตาลได้เพียง 17.2 ล้านตัน จาก 30.6 ล้านตันในฤดูกาลผลิต 2549-2550 อันเนื่องจากภัยแห้งแล้ง และอินเเดียยังต้องนำเข้าน้ำตาลเป็นจำนวนมาก เพื่อให้พอกับความต้องการในประเทศ
ขณะเดียวกันในเวียดนามเองก็ผลิตน้ำตาลได้ลดลงเพราะพื้นที่ลูกอ้อยในภาคกลางและที่ราบสูงภาคกลางถูกพายุพัดถล่มในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา คาดว่าเวียดนามจะผลิตได้ลดลงราว 20% ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวล่าสุด
พื้นที่ปลูกอ้อยในเวียดนามลดลงเหลือเพียง 290,000 เฮกตาร์ (986,000 ไร่) ในฤดูเพาะปลูกขณะนี้ จากที่เคยมีมากกว่า 300,000 เฮกตาร์ เมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากเกษตรกรเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นแทน เพราะว่าปลูกอ้อยทำกำไรได้น้อยกว่า นายดั่งกล่าว
แต่ในขณะเดียวกันความต้องการอ้อยของโรงงานน้ำตาลกลับเพิ่มขึ้น 25% เป็น 80,000 ตันต่อเดือนหลังจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
อย่างไรก็ตาม ประธานสมาคมฯ ยืนยันว่าเวียดนามจะไม่ประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำตาลในการบริโภคภายในประเทศอย่างแน่นอน และ ในฤดูเพาะปลูก 2552-53 ที่จะสิ้นสุดในเดือน พ.ค. คาดว่าโรงงานทั่วประเทศกว่า 36 แห่งจะผลิตน้ำตาลได้มากกว่า 1.13 ล้านตัน ซึ่งมากกว่าฤดูกาลก่อนหน้าถึง 22.2%.