โลว์คอสต์เวียดนามปีกหัก จอดตายสนิททั้งสองสาย

ผู้จัดการ360องศารายสัปดาห์ – เดือน พ.ย.ปีนี้ ท้องฟ้าปิดสนิทสำหรับสายการบินโลว์คอสต์ในเวียดนามทั้งสองแห่งคือ เจ็ตสตาร์แปซิฟิก และ อินโดไชน่าแอร์ไลนส์ ซึ่งมากด้วยปัญหามาตลอดทั้งปี

เจ็ตสตาร์แปซิฟิกซึ่งสายการบินแควนตัส (Qantas) จากออสเตรเลียร่วมถือหุ้นอยู่ด้วย เจอปัญหาใหญ่เมื่อกระทรวงขนส่งสั่งให้เลิกใช้โลโกรูปดาวกับชื่อ JetStar เป็นเครื่องหมายการค้า เนื่องจาก เป็นของสายการบินเจ็ตสตาร์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของแควนตัส ขณะที่รัฐบาลเวียดนามถือหุ้นใหญ่ในสายการบินโลว์คอสต์แห่งแรกของประเทศ

นอกจากนั้นเจ็ตสตาร์แปซิฟิกยังใช้รหัสจองตั๋วโดยสารร่วมกับสายการบินเจ็ตสตาร์อีกด้วย ซึ่งคณะกรรมการการบินพลเรือนเวียดนามกล่าวว่าขัดต่อกฎระเบียบ

แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด จุดตายของเจ็ตสตาร์แปซิฟิก ที่ทำให้ไม่สามารถขึ้นบินได้ในสัปดาห์กลางเดือน พ.ย.เป็นต้นมาก็คือ เมื่อวิศวกรจำนวนหนึ่งรวมตัวกัน ทำหนังสือถึงคณะกรรมการการบินพลเรือนเวียดนาม เรียกร้องให้ตรวจสอบระบบความปลอดภัยของสายการบินนี้

วิศกรเหล่านั้นได้แสดงรูปถ่ายเป็นหลักฐานให้เห็นว่าเจ็ตสตาร์แปซิฟิก ไม่เอาใจใส่ซ่อมบำรุงเครื่องบินให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยในหลายจุด

ยุคแห่งอรุณรุ่งสั้นๆ ของธุรกิจการบินต้นทุนต่ำ ในเวียดนามเริ่มขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เมื่อหลายบริษัทเข้าคิวกันขอใบอนุญาตจากรัฐบาล และ อินโดไชน่าแอร์ไลน์สได้เป็นสายการบินที่เอกชนถือหุ้น 100% แห่งแรกของประเทศ

ครั้งนั้นเวียดนามก็ได้ออกใบอนุญาตให้สายการบินเอกชนเพียง 3 แห่ง จากทั้งหมด 10 รายที่ยื่นขออนุมัติการลงทุน

อินโดไชน่าแอร์ ขึ้นบินในเดือน พ.ย.2551 ตามเงื่อนไข แต่ 1 ปีที่ผ่านมาเป็นหนึ่งปีแห่งการขาดทุนบักโกรก บินด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 เพียงลำเดียว บินระหว่างโฮจิมินห์กับฮานอยเพียงเส้นทางเดียว

อินโดไชน่าแอร์ฯ ตกอยู่ในสภาพหนี้สินล้นพ้น แม้บริษัทฯ จะกล่าวว่ามีแผนจะเพิ่มทุน และกำลังจะมีเครื่องบินเพิ่มอีก 1 ลำในเดือน ธ.ค.นี้ก็ตาม กรมการบินพลเรือนได้สั่งให้สายการบินโลว์คอสต์แห่งนี้ชำระค่าน้ำมันเชื่อเพลิงที่ติดค้าง ตลอดจนค่าธรรมเนียมต่างๆ ให้ครบ เพื่อแสดงความพร้อมมด้านการเงินที่จะพัฒนาธุรกิจต่อไป

อย่างไรก็ตามยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ตามที่สั่งและวาระสุดท้ายได้มาถึงเมื่อเครื่องโบอิ้งต้องจอดซ่อมเป็นเวลานานข้ามเดือน ท่ามกลางข่าวจากวงในที่ว่าสายการบินแห่งนี้ได้ปิดตัวเองลงแล้วโดยพฤตินัย ขณะที่ค้างจ่ายเงินเดือนและเงินตอบแทนให้แก่พนักงานเป็นจำนวนมหาศาล

ทั้งหมดนี้เป็นข่าวร้ายสำหรับสายการบินเวียดเจ็ตแอร์ (VietJet Air) สายการบินโลว์คอสต์แห่งที่ 3 ที่จะต้องขึ้นบินในไตมาสแรกของปีหน้านี้ ตามเงื่อนไข ไม่เช่นนั้นก็จะถูกยึดคืนใบอนุญาต.