xs
xsm
sm
md
lg

ฮุนเซนฟุ้ง “ยื่นคำขาด” อภิสิทธิ์ให้ส่งทูตกลับพนมเปญ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#FF0066>แผนที่ Google Map ทำขึ้นใหม่แสดงทางหลวงเลข 67 ช่องสะงัม-เสียมราฐ (เส้นสีแดง) ที่รัฐบาลไทยช่วยกัมพูชาสร้างแล้วเสร็จเปิดใช้งานเฟสสุดท้ายจนครบตลอดทั้งสายเมื่อต้นเดือน ส.ค.นี้ กับทางหลวงเลข 68 (เส้นสีน้ำเงิน) ช่องโอสะมัก -สัมโรง-กระลัญ ที่รัฐบาลไทยปล่อยกู้พร้อมเงินให้เปล่าอีกรวม 1,400 ล้านบาทเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางหลวงสายนี้เป็นโครงการที่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้ให้คำมั่นจะช่วยกัมพูชา</FONT></br>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซน กล่าวว่าวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมาได้ “ยื่นคำขาด” ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ส่งเอกอัครราชทูตไทยกลับไปประจำยังกรุงพนมเปญ ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะงดรับความช่วยเหลือทุกอย่างจากไทย

การกล่าวอ้างดังกล่าวมีขึ้นหลังจากก่อนหน้านั้นผู้นำกัมพูชาได้วิจารณ์ผู้นำไทยอย่างรุนแรง รวมทั้งระบุว่า ตนเองกับประเทศกัมพูชาจะไม่มีความสุขเลยตราบใดที่นายอภิสิทธิ์กับรัฐบาลชุดนี้ยังอยู่ในอำนาจ

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์กัมพูชาทะไม (Kampuchea Thmei) หรือ “กัมพูชาใหม่” ที่ฮุนมะนา (Hun Mana) ธิดาของผู้นำเป็นเจ้าของ นายกฯ กัมพูชา กล่าวถึงเรื่องล่าสุดนี้ ระหว่างไปเป็นประธานพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างยกระดับทางหลวงสายช่องจอม-เสียมราฐ ในวันศุกร์ (4 ธ.ค.) ที่ผ่านมา

เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ไทยกับกัมพูชาได้เซ็นสัญญาเงินกู้ 41 ล้านดอลลาร์ แต่ผู้นำกัมพูชาได้ประกาศยกเลิกการรับความช่วยเหลือดังกล่าวเพียงฝ่ายเดียว และชิงจัดพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้าง โดยกล่าวว่าจะใช้เงินงบประมาณของรัฐบาลสร้างเองทั้งหมด เนื่องจากเห็นว่ามีศักยภาพในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของกัมพูชาในย่านนั้น

นายกรัฐมนตรีกัมพูชาอ้างว่า วันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้ “ยื่นคำขาด” ต่อนายอภิสิทธิ์ ให้ส่งเอกอัครราชทูตไทยกลับไปประจำกรุงพนมเปญภายในเวลา 2 วัน มิเช่นนั้นรัฐบาลกัมพูชาก็จะงดรับเงินกู้เพื่อสร้างทางหลวงสาย 68 กัมพูชาทะไมกล่าว
<bR><FONT color=#FF0066>เริ่มอีกยก-- นายกฯ กัมพูชาฮุนเซน อ้างว่าวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมาได้ยื่นคำขาดต่อนายอภิสิทธิ์ ให้ส่งทูตไทยกลับไปประจำพนมเปญภายในเวลา 17.00 น.วันศุกร์ (4ธ.ค.) ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ จึงปฏิเสธที่จะรับเงินกู้ 41 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างทางหลวง 68</FONT></br>
นับเป็นเหตุการณ์ล่าสุดในความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายที่เสื่อมทรามลงหลังจากฮุนเซน ให้นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้าประเทศ และยังแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวกับที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลอีกด้วย

รัฐบาลไทยได้เรียกเอกอัครราชทูตประจำกรุงพนมเปญกลับ เป็นการตอบโต้ และรัฐบาลฮุนเซนตอบโต้ในระดับเดียวกันโดยเรียกเอกอัครราชทูตประจำกรุงเทพฯ กลับกรุงพนมเปญ

รัฐบาลไทยยังได้ประกาศทบทวนโครงการให้ความช่วยเหลือต่างๆ แก่กัมพูชาเป็นมาตรการขั้นต่อไปในการตอบโต้การล่วงละเมิดอำนาจศาลไทย โดยรัฐบาลฮุนเซนที่ไม่ยอมส่งตัวนักโทษชายที่กำลังหลบหนีคดีทุจริต เป็นผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อกลับมารับโทษจำคุก 2 ปี

รัฐบาลฮุนเซนตอบโต้มาตรการนี้โดยการสั่งให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “ทบทวน” การรับความช่วยเหลือจากไทย และประกาศยกเลิกโครงการที่กำลังดำเนินอยู่และที่จะดำเนินต่อไปทั้งหมด

นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์สัปดาห์ที่แล้วว่า ได้ทำตามหน้าที่โดยโทรศัพท์แจ้งต่อนายกรัฐมนตรีกัมพูชาให้ทราบว่า รัฐบาลไทยยังไม่ได้ยกเลิกความช่วยเหลือสำหรับการสร้างทางหลวงสาย 68 ที่เซ็นความตกลงกันไปแล้ว

ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการ “ยื่นคำขาด” ที่นายกฯ กัมพูชา อ้างว่ามีขึ้นในวันที่ 2 ธ.ค. ที่ผ่านมาผ่านมา

อย่างไรก็ตาม สัปดาห์ก่อน ผู้นำกัมพูชาได้แสดงความโกรธแค้นหาว่า การขู่จะยกเลิกความช่วยเหลือของฝ่ายไทยเป็นการ “ดูหมิ่น” ประเทศกัมพูชา ทั้งระบุว่าผู้นำของไทยทำอะไรเหมือนเด็กๆ และ “พูดจาเหมือนเด็ก”

ฮุนเซนประกาศด้วยว่า นายอภิสิทธิ์ กับ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นผู้นำไทยที่ทำงานด้วยยากที่สุด และ “ผมจะไม่มีวันเป็นสุขตราบเท่าที่คนพวกนี้ยังอยู่ในอำนาจ” แต่ในขณะเดียวกันก็ยืนกรานอีกครั้งหนึ่งว่ามาตลอดว่า กัมพูชาไม่ได้แทรกแซงกิจการภายในของไทยแต่อย่างใด

หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ยังได้อ้าง “รายงานข่าว” อีกจำนวนหนึ่งที่ระบุว่า วันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีไทยดินทางไป จ.ตราด เพื่อหาทางพบกับเจ้าหน้าที่กัมพูชาที่นั่น นอกจากนั้น รมว.ต่างประเทศไทย ยังได้พยายามนัดหมายเพื่อขอเข้าพบ นายกฯ กัมพูชา “ระหว่างการประชุมที่กำลังจะมีขึ้นในนครเวียงจันทน์” ของลาวในเร็วๆ นี้

หนังสือพิมพ์ฉบับนี้กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนั้นแสดงให้เห็นว่า ฝ่ายไทย “กำลังอ่อนข้อลง” หลังจากไม่สามารถทำอะไรให้กระทบกระเทือนต่อกัมพูชาได้ในกรณีถ้าไม่ยอมส่ง นช.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายข้ามแดน

รัฐสภากัมพูชาเพิ่งจะลงมติอนุมัติเพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ไปในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นเงินทั้งสิ้น 1,900 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการประกาศรายละเอียดว่า ฝ่ายกัมพูชาจะเริ่มการก่อสร้างทางหลวง 68 ได้เมื่อไร หลังจากวางศิลาฤกษ์ไปในวันศุกร์ที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น