ASTVผู้จัดการรายวัน-- เปิดใช้งานมาได้เพียงปีเศษ ทางหลวงสาย 48 เกาะกง-สเรอัมเบล (Koh Kong-Sre Ambel) ที่สร้างด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยเกือบ 900 ล้านบาท อยู่ในสภาพเสียหายค่อนข้างหนัก ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลกัมพูชากล่าวว่าการก่อสร้างต่ำกว่ามาตรฐานหากเทียบกับถนนสายหลักอื่นๆ ในภาคใต้ของประเทศเช่นเดียวกัน และ ยังสร้างขึ้นด้วยเงินทุนที่ต่ำมากอีกด้วย
"ราดยางไม่หนาพอ.. บางมาก หากเทียบกับทางหลวงเลข 4 ที่สร้างโดยรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ ทางหลวงเลข 3" นายดมยุ๊กเฮียง (Dom Yuk Heang) รองผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง กล่าวในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างบรรยายสรุปต้อนรับคณะเจ้าหน้าที่ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ซึ่งนำผู้สื่อข่าวจาก 4 ประเทศ ไทย อินโดนีเชีย กัมพูชาและเวียดนาม สำรวจถนนระเบียงขนส่งสายใต้เลียบชายฝั่งทะเล
รอง ผวจ.เกาะกง กำลังเปรียบเทียบทางหลวงสาย 48 กับสาย 4 ระหว่างกรุงพนมเปญ-สเรอัมเบล-สีหนุวิลล์ กับทางหลวงเลข 3 จากสีหนุวิลล์ไปยัง จ.กัมโป้ต (Kampot) และ จ.ตาแกว (Ta Keo) ที่อยู่ในอาณาบริเวณภาคใต้ของประเทศเช่นเดียวกัน
"สภาพของถนน (การก่อสร้าง) ไม่เหมาะกับสภาพท้องที่ เรายอมรับว่าน้ำป่ากับยวดยานที่ใช้ถนนมากขึ้นมีส่วนสำคัญทำให้ทางหลวง 487 ผุพังลงเร็ว แต่การก่อสร้างที่ต่ำกว่ามาตรฐานก็เป็นสาเหตุสำคัญ" รอง ผวจ.เกาะกง ระบุเพื่อถูกถามเรื่องนี้
ออกนอกเขตเทศบาลเมืองเกาะกงไปไม่กี่กิโลเมตร ผู้สื่อข่าวที่ร่วมไปในคณะของเอดีบีได้เห็นผิวการจราจรที่มีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อเป็นช่วงๆ และ มีหลายช่วงที่พื้นผิวถนนเสียหายเป็นทางยาวนับร้อยเมตร รถยนต์ต้องชะลอความเร็วและแล่นหลบหลีก บางช่วงเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากความเสียหายเกิดขึ้นในช่วงทางโค้งหรืออยู่บนผาสูง
รอง ผจว.เกาะกงกล่าวอีกว่า กระทรวงขนส่งได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อสำรวจความเสียหายของทางหลวงหมาเยเลข 48 ตลอดทั้งสายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้จัดงบประมาณส่วนหนึ่งให้กระทรวงดังกล่าวทำการซ่อมแซมผิวจราจรเป็นการชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวที่ร่วมคณะของเอดีบีไปสำรวจเส้นทาง ได้เห็นการปิดกั้นถนนเพื่อซ่อมแซมพื้นผิวจราจรเป็นช่วงๆ ตั้งแต่เกาะกงไปจนถึง อ.สเรอัมเบล หรือ "นาเกลือ" รวมระยะทาง 152 กม.เศษ
อย่างไรก็ตาม นายเฮียงกล่าวว่า ทางหลวงเลข 48 ได้สร้างมิติใหม่ในการคมนาคมขนส่งของจังหวัด ซึ่งก่อนหน้าจะมีการก่อสร้างทางหลวงสายนี้ เกาะกงเหมือนถูกตัดขาดจากทั้งประเทศ การเดินทางจากพนมเปญไปที่นั่นจะใช้เวลาข้ามสัปดาห์ จะต้องขับรถขึ้นลงไปตามความลาดชันของภูเขา และ ลงเรือแพข้ามลำน้ำถึง 4 สาย
"ถ้าหากไม่มีถนนที่รัฐบาลไทยช่วยสร้าง ป่านนี้ก็คงจะยังไม่มีใครเดินทางมาที่นี่มากมายเหมือนในวันนี้" นายเฮียงกล่าว
รัฐบาลกัมพูชาทำพิธีเปิดใช้ทางหลวงเลข 48 อย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ก.ค.2551 โดยนายกรัฐมนตรีฮุนเซนเป็นประธาน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กับ นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝ่ายไทยและกัมพูชาจำนวนมากร่วมในพิธี
รัฐบาลไทยสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่รัฐบาลกัมพูชา 567.8 ล้านบาท สำหรับการสร้างถนน ต่อมาได้สนับสนุนเงินให้เปล่าอีก 300 ล้านบาท สำหรับสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กข้ามลำน้ำ 4 สาย ตามรายทาง
กรมทางหลวงของไทยเป็นผู้ออกแบบ และมีการทำสัญญาก่อสร้างในวันที่ 2 ก.ค.2548 โดยบริษัท สหการวิศวกร จำกัด จากประเทศไทยเป็นผู้รับเหมา มีกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 21 มิ.ย. 2550 แต่เกิดปัญหาล่าช้า ต้องต่อสัญญาออกไปถึงวันที่ 24 ธ.ค. 2550
ตามรายงานก่อนหน้านี้ การก่อสร้างทางหลวงสาย 48 ยังไม่เรียบร้อย 100% แต่รัฐบาลกัมพูชาได้รับมอบงานไปก่อน ก่อนที่จะมีการเปิดใช้อย่างเป็นทางการในอีกหลายเดือนต่อมา
ผู้สื่อข่าวที่เดินทางร่วมคณะได้เห็นความแตกต่างระหว่างทางหลวงเลข 48 กับทางหลวงเลข 4 ที่ดูแข็งแกร่งแม้ว่าจะผ่านการใช้งานมาอย่างหนักเป็นเวลานานนับสิบปี เนื่องจากเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าระหว่างท่าเรือเพียงแห่งเดียวของประเทศกับเมืองหลวง
เจ้าหน้าที่กัมพูชากล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลกำลังซ่อมบำรุงและบูรณะ พร้อมกับขยายทางหลวงเลข 4 ให้มี 4 ช่องจราจร โดยให้บริษัทของรัฐร่วมกับเอกชนเป็นผู้ลงทุนสัมปทานในรูปแบบบีโอที
ทางหลวงสาย 48 หรือ "ถนนสาย 10" (R10) ในสารระบบทางหลวงเอเชียของเอสแคป (ESCAP) เป็นเส้นทางสำคัญในการเชื่อมโยงกับทางหลวง 318 (ตราด – หาดเล็ก) ของไทย กับ จ.เกาะกง จ.พระสีหนุ (Preah Sihanouk) และกรุงพนมเปญ และยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการถนนสายเอเชีย (Asia Highway Network) เชื่อมท่าเรือทวายในพม่า แหลมฉบังของงไทยกับท่าเรือสีหนุวิลล์ ในกัมพูชา
ทางหลวงสายนี้ยังอยู่ในโครงการเชื่อมต่อการขนส่งทางบกเลียบชายฝั่งทะเลจากประเทศไทยไปจนถึงเมืองก่าเมา (Ca Mau) ในภาคใต้เวียดนาม ที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารพัฒนาเอเชียอีกด้วย.